สถิติน่าตกใจ! คนไทยครองแชมป์เหยื่อ SMS หลอกลวง สูงสุดในเอเชีย Whoscall แนะวิธีป้องกันตนเองจากมิจฉาชีพยุคดิจิทัล
จากรายงานประจำปี 2566 ของ Whoscall ผู้นำแอปพลิเคชันระบุตัวตนสายเรียกเข้าและป้องกันสแปม เผยสถิติน่าตกใจว่า คนไทยตกเป็นเหยื่อข้อความหลอกลวงมากที่สุดในเอเชีย โดยเฉลี่ยคนไทย 1 คนต้องรับ SMS ที่น่าสงสัยถึง 20.3 ข้อความ สูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สรุปสถิติ SMS หลอกลวง และหลากหลายกลโกงที่คนไทยต้องเผชิญ!
คนไทยเฉลี่ยแต่ละคนได้รับข้อความ SMS หลอกลวง 20.3 ข้อความ ซึ่งมากที่สุดในเอเชีย
มิจฉาชีพขยันหลอกมากขึ้น 12.2 ล้านครั้ง เทียบจากปีที่ผ่านมา
ในปี 2566 คนไทยเสี่ยงถูกหลอกลวงจากสายโทรเข้าและข้อความรวม 79 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 18% จากปี 2565
- จำนวนสายโทรเข้าหลอกลวง 20.8 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน
- จำนวนข้อความหลอกลวง 58.3 ล้านข้อความ เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน
กลโกงที่พบมากสุดในไทยคือ เรื่องพนันออนไลน์และหลอกให้กู้เงิน โดยใช้คีย์เวิร์ดล่อใจต่างๆ
จากการสแกนลิงก์ URLs ที่น่าสงสัย พบว่า 4.5% ของข้อความที่ได้รับมีลิงก์เสี่ยง โดยแบ่งเป็น
- ลิงก์หลอกให้ล็อกอินเข้าเว็บปลอม 27%
- ลิงก์หลอกให้ดาวน์โหลดแอปอันตราย 20%
- ลิงก์เข้าสู่หน้าช็อปปิ้งออนไลน์ปลอม 8%
ในปีที่ผ่านมา คนไทยเผชิญภัยคุกคามจากการหลอกลวงทางโทรศัพท์และ SMS รวมกว่า 79 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 18% จากปี 2565 โดยแยกเป็นสายโทรเข้า 20.8 ล้านครั้ง และข้อความหลอกลวง 58.3 ล้านข้อความ กลโกงที่พบมากที่สุดคือ การหลอกให้กู้เงินและเล่นพนันออนไลน์ ผ่านคีย์เวิร์ดล่อใจเช่น “ยูสใหม่แจกฟรี” “ฝากครั้งแรกรับ 500” รวมถึงมีมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นบริษัทขนส่งหรือหน่วยงานรัฐเพื่อหลอกเหยื่อ
ภาพรวมการหลอกลวงในเอเชียลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แต่สถานการณ์ในไทยกลับทวีความรุนแรง นางสาวฐิตินันท์ สุทธินราพรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท Gogolook/Whoscall กล่าวว่า มิจฉาชีพปรับกลยุทธ์ให้ซับซ้อนขึ้น ใช้ข้อมูลส่วนตัวหลุดรั่วของเหยื่อมาสร้างเรื่องหลอกลวง จึงขอแนะนำให้คนไทยระมัดระวังเป็นพิเศษ รับรู้ข้อมูลจากแหล่งน่าเชื่อถือและใช้แอป Whoscall เป็นเครื่องมือป้องกัน
ปัจจุบัน Whoscall มีฟีเจอร์สแกนลิงก์ URLs ที่น่าสงสัยฟรี ซึ่งพบว่า 4.5% ของข้อความมีลิงก์เสี่ยง เช่น ลิงก์ล็อกอิน เว็บปลอม, โหลดแอปอันตราย และหน้าช็อปปิ้งปลอม คุณแมนวู จู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Gogolook ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะปกป้องคนไทยด้วยการต่อต้านการฉ้อโกงอย่างเต็มที่ โดยร่วมมือกับทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อยกระดับการป้องกันภัยให้ทันกับสถานการณ์โลก พร้อมทั้งพัฒนาเครื่องมือและแชร์ความรู้ เพื่อสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน
จากข้อมูลดังกล่าว สะท้อนว่าการหลอกลวงออนไลน์ในไทยกำลังทวีความรุนแรง ประชาชนจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ภาครัฐและเอกชนก็ควรร่วมมือกันต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์อย่างจริงจัง เพื่อปกป้องความปลอดภัยทางการเงินและสร้างความเชื่อมั่นในระบบออนไลน์ของประเทศ ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกัน วิกฤตครั้งนี้ก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้