ดีเบตคู่ชิงศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐนัดแรก ไบเดนไร้พลัง-ทรัมป์มั่วข้อมูล – White Channel

White Channel

ดีเบตคู่ชิงศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐนัดแรก ไบเดนไร้พลัง-ทรัมป์มั่วข้อมูล

เกิดอะไรในโลก : ดีเบตคู่ชิงศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐนัดแรก ไบเดนไร้พลัง-ทรัมป์มั่วข้อมูล

การโต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์ หรือการดีเบตระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ 2 ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นตั้งแต่เวลา 21.00-22.30 น. วันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 08.00-09.30 น. วันนี้ตามเวลาไทยได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยมีการถ่ายทอดสดทางซีเอ็นเอ็นให้ได้รับชมพร้อมกันทั่วโลก มีผู้ดำเนินรายการ 2 คน คือ เจค แท็ปเปอร์ และดานา แบช เป็นผู้ป้อนคำถาม ควบคุมเวลา และคอยควบคุมการเปิดไมค์ให้พูดได้ทีละคน เพื่อตัดปัญหาการพูดแทรกกันไปมาเหมือนที่เกิดขึ้นในการดีเบตเมื่อปี 2020

ดีเบตครั้งนี้จัดขึ้นในห้องส่งซึ่งไม่มีผู้ชม รวมทั้งไม่อนุญาตให้ผู้สนับสนุนของ 2 พรรค หรือแม้แต่ผู้สื่อข่าวเข้าชมเพื่อป้องกันความวุ่นวาย

ประเด็นเศรษฐกิจ การทำแท้ง ประเด็นผู้อพยพ

สำหรับเนื้อหาในการดีเบต นายโจ ไบเดน วัย 81 ปี และนายโดนัลด์ ทรัมป์วัย 78 ปี ต่างโจมตีกันในประเด็นต่างๆ ทั้งเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่ทรัมป์อวดอ้างว่า ในยุคของตัวเองเศรษฐกิจอเมริกาเติบโต มีการจ้างงานสูงสุด ส่วนประเด็นสิทธิการทำแท้ง นายไบเดนกล่าวโทษนายทรัมป์ที่ให้สิทธิจำกัดสิทธิการทำแท้งทั่วประเทศ รวมทั้งประเด็นการหลั่งไหลเข้าเมืองของผู้อพยพบริเวณพรมแดนสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเด็นที่ทรัมป์ใช้โจมตีนายไบเดนเป็นหลัก โดยทรัมป์ กล่าวหาว่า ไบเดน ล้มเหลวในการคุ้มกันชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ เปิดทางให้มีการไหลบ่าเข้ามาของอาชญากรจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องความเป็นประชาธิปไตย

ประเด็นสถานการณ์โลก

เกี่ยวกับสถานการณ์โลก ทรัมป์โจมตีไบเดน “ทำตัวเหมือนชาวปาเลสไตน์” จึงไม่สามารถสนับสนุนอิสราเอล ให้ทำสงครามกวาดล้างกลุ่มฮะมาสในฉนวนกาซา “ได้อย่างเต็มที่” แต่อดีตผู้นำสหรัฐกล่าวด้วยว่า ชาวปาเลสไตน์ก็ไม่ประทับใจไบเดนเหมือนกัน “เพราะอ่อนแอเกินไป”

ขณะเดียวกัน ทรัมป์กล่าวถึงขั้นตอนการถอนทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถาน ที่เกิดขึ้นตามคำสั่งของไบเดน “ล้มเหลวและน่าอับอายที่สุดในประวัติศาสตร์” อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้รัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครน ในอีกเกือบ 1 ปีต่อมาด้วย แต่ไบเดนโต้แย้งว่า การปิดฉากภารกิจในอัฟกานิสถาน บ่งชี้ว่า จะไม่มีทหารอเมริกันต้องสังเวยชีวิตในสมรภูมิต่างแดนอีก

เกี่ยวกับสงครามในยูเครน ไบเดนเน้นย้ำความสนับสนุนของสหรัฐที่จะมอบให้แก่ยูเครนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งประณามแนวคิดของทรัมป์ ทั้งความชื่นชอบส่วนตัวที่มีต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และการที่ทรัมป์ยังคงมีแนวคิดนำสหรัฐออกจากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต )

ด้านทรัมป์กล่าวว่า สงครามในยูเครนจะไม่มีทางเกิดขึ้น หากสหรัฐ “มีผู้นำที่แท้จริง” และยืนยันว่า หากได้รับการเลือกตั้ง ตัวเขาจะสามารถยุติสงครามครั้งนี้ได้ แม้อดีตผู้นำสหรัฐวิจารณ์ “เงื่อนไข” ของปูตินในการยุติสงครามว่า “รับไม่ได้” แต่เรียกประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ในเชิงเสียดสีว่า “เซลส์แมนผู้ยิ่งใหญ่” จากการเดินสายขอความสนับสนุนทางทหาร

ประเด็นเรื่องส่วนตัว

เกี่ยวกับอายุ ที่ตอนนี้ไบเดนอยู่ในวัย 81 ปี และทรัมป์ 78 ปี ทั้งคู่ยังคงยืนยันว่า “ไม่มีปัญหา” และเมื่อผู้ดำเนินรายการซักถามว่า จะยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า “หากเป็นกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงพอ”

นอกจากนี้ ต่างฝ่ายต่างสาดโคลนใส่ดัน เกี่ยวกับคดีความทั้งของตัวทรัมป์ และนายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของผู้นำสหรัฐ และทรัมป์ยังท้าให้ไบเดนไปเข้ารับการทดสอบความถนัดทางปัญญา เพื่อประเมินภาวะสมองเสื่อมพร้อมกันด้วย รวมถึงเรื่องคุณภาพชีวิตคนผิวดำ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย

กระแสตอบรับหลังการประชัน

ผลสำรวจความคิดเห็นของซีเอ็นเอ็นปรากฏว่า ทรัมป์เป็นฝ่ายชนะที่ 67% ต่อ 33% มากกว่าก่อนการดีเบต ซึ่งมีการคาดหมายว่า ทรัมป์น่าจะทำได้ดีกว่าที่ 55% ต่อ 45%

มีการตั้งข้อสังเกตว่า ผลงานการโต้วาทีของนายไบเดนไม่ดีมากนัก นอกจากเขาจะพูดตะกุกตะกักแล้ว เขายังมีน้ำเสียงแหบแห้งราบเรียบโมโนโทน ทั้งยังพูดไปเรื่อย ไม่ชัดเจน และโต้ด้วยคำตอบที่ไม่มีเหตุมีผลอีกด้วย ผลงานของไบเดนในครั้งนี้ตอกย้ำความกังวลใจของชาวอเมริกันในเรื่องปัญหาทางด้านอายุและสุขภาพของเขาว่าไม่เหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ

แม้ทีมของนายไบเดนกล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า เขากำลังเป็นไข้หวัดจึงทำให้เสียงของเขาแหบแห้ง อย่างไรก็ดี มีข้อวิจารณ์ว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นแค่ข้ออ้างของผลงานการดีเบตอันย่ำแย่ของเขา

ขณะเดียวกัน นายทรัมป์เคารพกฎระเบียบของเวทีการโต้วาทีของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถตอบกลับนายไบเดนได้อย่างทันควัน เห็นได้ว่าเขาพยายามหลีกเลี่ยงการพูดแทรก ซึ่งทำให้เขาเสียแต้มในการโต้วาทีเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี 2020

ทว่าระหว่างการโต้วาที ทรัมป์ได้กล่าวถ้อยแถลงซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงสนับสนุน เช่น เมื่อนายทรัมป์ถูกถามเรื่องการทำแท้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลในวาระของเขาได้รับการวิจารณ์เป็นอย่างมาก เขากลับพูดเรื่องฝ่ายซ้ายหัวรุนแรงและยังกล่าวเท็จด้วยว่า พรรคเดโมแครตสนับสนุนการทำแท้งหลังจากที่เด็กเกิดขึ้นมาแล้ว อย่างไรก็ดี นายไบเดนก็ยังไม่สามารถไล่ตอนนายทรัมป์ให้จนมุมได้

ผลการสำรวจก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นว่าประเด็นทางสังคมที่ชาวอเมริกันให้ความสำคัญมากที่สุดคือปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและผู้อพยพ แต่ชาวอเมริกันเชื่อว่านายทรัมป์จะรับมือกับเรื่องเหล่านี้ได้ดีกว่า ก็ยิ่งสร้างปัญหาให้แก่ประธานาธิบดีไบเดน

ส่วนสำนักข่าวหลายสำนักต่างวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ ในเรื่องของการกล่าวอ้างข้อมูลที่ไม่ตรงความเป็นจริง ทั้งเรื่องของตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ การทำแท้ง รวมทั้งประเด็นผู้อพยพที่ให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ขณะที่นายไบเดนก็มีการกล่าวเกินจริงในประเด็นเรื่องทรัมป์บอกให้ชาวอเมริกันฉีดสารฟอกขาวที่แขนเพื่อรักษาโควิด-19.

นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี เรียกร้องอเมริกันชน ให้ความสำคัญกับผลงานของไบเดน มากกว่าการดีเบตเพียงครั้งเดียว แม้มีรายงานว่า บรรดาแกนนำพรรคเดโมแครตเริ่มมีความกังวลมากขึ้น เกี่ยวกับสภาพร่างกายและจิตใจของไบเดน ส่วนพรรครีพับลิกันประกาศชัยชนะจากการดีเบตครั้งนี้ และการดีเบตครั้งที่สองจะเกิดขึ้นในวันที่ 10 ก.ย.

ที่มา :

https://www.dailynews.co.th/news/3583216/

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2796758

https://www.matichon.co.th/foreign/news_4652976

error: ขอบคุณที่ติดตามครับ