เกิดอะไรในโลก : นิวซีแลนด์ผ่านกม.ห้ามขายบุหรี่ให้คนรุ่นใหม่ตลอดชีพ ตั้งเป้าประเทศปลอดบุหรี่
สภาผู้แทนราษฎรของนิวซีแลนด์มีมติเมื่อวันอังคาร ด้วยเสียงข้างมาก
76
ต่อ
43
เสียง เห็นชอบกฎหมาย “การจัดระเบียบ” และควบคุมตลาดยาสูบในประเทศฉบับใหม่
(Smokefree Environments and Regulated Products)
มีสาระสำคัญ คือการไม่อนุญาตให้ผู้มีอายุ
14
ปีและน้อยกว่านั้น ซึ่งหมายถึงผู้ที่เกิดวันที่
1
ม
.
ค
. 2
009
และหลังจากนั้น ซื้อบุหรี่และผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกประเภท หากฝ่าฝืนต้องชำระค่าปรับเป็นเงินสูงสุด
150,000
ดอลลาร์นิวซีแลนด์
(
ราว
3.33
ล้านบาท
)
จุดนี้ต่างจากข้อบังคับตามปกติ ที่มักจะกำหนดข้อห้ามเรื่องอายุของผู้ซื้อยาสูบ ซึ่งหลังจากอายุเกินจากข้อกำหนดแล้วก็จะสามารถซื้อได้
แต่กฎใหม่ข้อนี้ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ ถ้าคุณเกิดหลัง 31 ธันวาคม 2009 นั่นหมายถึง คุณจะไม่สามารถซื้อยาสูบในนิวซีแลนด์ได้ตลอดชีวิต หรือพูดอีกนัยหนึ่ง คือ เกณฑ์อายุขั้นต่ำของผู้ซื้อจะเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี เช่น ในอีก 50 ปีข้างหน้า คุณต้องมีอายุอย่างน้อย 63 ปี ถึงจะซื้อยาสูบได้ นั่นเท่ากับว่า นิวซีแลนด์แทบจะเป็นประเทศที่ปลอดยาสูบไปโดยปริยาย
ขณะเดียวกัน กฎหมายใหม่ ซึ่งจะบังคับใช้เป็นลำดับขั้น ยังระบุเกี่ยวกับการลดจำนวนผู้ค้ารายย่อยเกี่ยวกับบุหรี่และผลิตภัณฑ์ยาสูบในนิวซีแลนด์ ให้เหลือประมาณ
600
ราย ภายในปี
2
023
จากปัจจุบันซึ่งมีจำนวนประมาณ
6,000
ราย และการควบคุมปริมาณนิโคตินในผลิตภัณฑ์บุหรี่และยาสูบด้วย เพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์ “สังคมปลอดควันบุหรี่” ภายในปี
2
025
และการปลูกฝังค่านิยม “เด็กรุ่นใหม่ปลอดควันบุหรี่” ภายในปี
2
027
อายีชา เวอร์เรลล์
(Ayesha Verrall)
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “คนหลายพันคนจะมีอายุยืนยาวขึ้นและสุขภาพแข็งแรงขึ้น ขณะที่ระบบสุขภาพจะประหยัดเงินได้ถึง
5
พันล้านดอลลาร์
(
ราว
174,000
ล้านบาท
)
จากการที่ไม่ต้องรักษาโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ เช่น มะเร็งหลายชนิด ภาวะหัวใจวาย เส้นเลือดในสมองตีบ และการตัดอวัยวะ
“เราต้องการสร้างหลักประกันว่าคนหนุ่มสาวจะไม่เริ่มสูบบุหรี่ ดังนั้นเราจะออกกฎหมายให้การขายหรือจัดหาผลิตภัณฑ์ยาสูบให้กับกลุ่มเยาวชนถือเป็นความผิด ผู้ที่มีอายุ 14 ปี (เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้) จะไม่สามารถซื้อยาสูบได้อย่างถูกกฎหมาย”
เวอร์เรลล์เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การสูบบุหรี่ในนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราผู้สูบบุหรี่ต่ำที่สุดในโลก กำลังลดลง โดยนิวซีแลนด์มีสัดส่วนผู้สูบบุหรี่ลดลงจาก
9.4%
เป็น
8%
ในช่วง
12
เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์ยังระบุอีกว่า กฎหมายฉบับใหม่นี้จะช่วยลดช่องว่างของอายุขัยเฉลี่ยระหว่างชนชาติเมารีและผู้ที่ไม่ใช่ชาวเมารี ซึ่งมีสูงถึง
25%
ในผู้หญิง
จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์ อัตราการสูบบุหรี่ของนิวซีแลนด์ในขณะนี้มีต่ำที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึก โดยนิวซีแลนด์มีผู้สูบบุหรี่ประมาณ 56,000 คนที่ตัดสินเลิกสูบบุหรี่ในปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม กฎหมายใหม่ไม่ได้สั่งห้ามการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าชาวนิวซีแลนด์หลายคนได้เปลี่ยนพฤติกรรมจากการสูบบุหรี่ปกติมาเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดดังกล่าว โดยข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายนระบุว่า จำนวนผู้ที่สูบบุหรี่ปกติเป็นประจำทุกวันลดลงแตะที่ 8% จากระดับ 9.4% เมื่อปี 2021 ขณะที่ตัวเลขของผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำอยู่ที่ 8.3% เพิ่มขึ้นจากระดับของปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 6.2%
ทางด้าน ส.ส.ที่คัดค้านกฎหมายฉบับนี้มองว่า มาตรการควบคุมดังกล่าวไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาและอาจทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย เพราะคนจะหันไปหาของในตลาดมืดแทน ขณะที่ร้านค้าเล็กๆ ในชุมชนจะอยู่ไม่ได้ เพราะถูกห้ามขายบุหรี่
แม้จะมีข้อกังวล แต่หน่วยงานด้านสาธารณสุขจำนวนไม่น้อยออกมาแสดงความยินดีในความก้าวหน้าครั้งนี้ หลังจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นิวซีแลนด์พยายามอย่างจริงจังในการลดจำนวนนักสูบด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การออกแบบซองบุหรี่แบบเรียบ การออกคำเตือนข้างซองและขึ้นภาษียาสูบ
การผ่านกฎหมายฉบับนี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางคนถึงขั้นยกให้นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่คุมเข้มเรื่องยาสูบมากติดอันดับโลก เพราะผ่านกฎหมายที่ยังไม่มีชาติไหนกล้าทำ แต่ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดมาก่อนหน้านี้ก็คือ ภูฏาน โดยเมื่อปี 2010 ทางการออกกฎหมายห้ามผลิต ห้ามขาย และห้ามแจกจ่ายยาสูบทั่วประเทศ
แต่ข้อห้ามเหล่านี้ก็ไม่สามารถขัดขวางนักสูบได้ โดยชาวภูฏานหันไปซื้อยาสูบที่ลักลอบขนมาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินเดีย ก่อนที่ในปี 2020 รัฐบาลจะประกาศยกเลิกข้อห้ามดังกล่าวเป็นการชั่วคราว และอนุญาตให้ขายยาสูบในร้านค้าของทางการได้ หลังจากพบว่ามีพ่อค้าที่ลักลอบขนยาสูบจากฝั่งอินเดียติดโควิด-19 ทำให้กังวลว่าการแพร่ระบาดจะลุกลามเข้ามาในประเทศ
ส่วนภูมิภาคอาเซียน ภูมิภาคนี้ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ ที่มีอัตราการสูบบุหรี่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก โดยอินโดนีเซียและลาว นอกจากจะมีตัวเลขนักสูบมากกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียนแล้ว ยังถือเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมยาสูบ เข้ามามีอิทธิพลต่อการเมืองอย่างมาก อ้างอิงจากดัชนีการแทรกแซงอุตสาหกรรมยาสูบโลกเมื่อปี 2021
แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน คือ ชาติสมาชิกอาเซียนต่างตระหนักดีถึงผลกระทบของปัญหานี้ต่อระบบสาธารณสุข โดยพบว่าในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ในอาเซียนประมาณ 5 แสนคน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลายชาติพยายามเร่งหาทางออกผ่านการบังคับใช้มาตรการต่างๆ เช่น การกำหนดพื้นที่ห้ามสูบ และการออกแบบซองบุหรี่แบบเรียบ
ยาสูบถือเป็นต้นตอของปัญหาสุขภาพของคนจำนวนไม่น้อยและทำให้หลายชาติต้องทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยกลุ่มนี้ แต่การแก้ปัญหานี้อย่างยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยการผลักดันจากภาครัฐและความร่วมมือของภาคประชาสังคมไปพร้อมๆ กัน
ข้อมูลจาก WHO ระบุว่า บุหรี่ถือเป็นภัยคุกคามด้านสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดปัญหาหนึ่งที่โลกเคยเผชิญมา โดยพบว่าการสูบบุหรี่ (รวมถึงบุหรี่มือสอง) คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 8 ล้านคนต่อปี
ที่มา
:
dailynews : https://www.dailynews.co.th/news/1786972/
thestandard : https://thestandard.co/new-zealand-new-tobacco-law/
mcot : https://tna.mcot.net/world-1074891
thairath : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2577161
thaipbs : https://www.thaipbs.or.th/news/content/322542
voicetv : https://voicetv.co.th/read/KSfNzQAwb