เกิดอะไรในโลก : รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศชัยชนะ ในสงครามขจัดการใช้แผ่นดิสก์
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศชัยชนะ ในความพยายามที่จะยุติการใช้งาน “ฟลอปปี้ดิสก์” (Floppy Disk) หรือ แผ่นดิสก์ อุปกรณ์เก็บข้อมูลในระบบของหน่วยงานรัฐทั้งหมด ซึ่งถือเป็นหลักไมล์สำคัญที่รอคอยมานาน ในการปรับปรุงระบบการบริหารราชการให้ทันสมัยขึ้นของรัฐบาลญี่ปุ่น
โดยนายทาโร่ โคโนะ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลของญี่ปุ่น เป็นหัวหอกนำในการยกเลิกการใช้เครื่องส่งแฟกซ์และเทคโนโลยีอนาล็อกอื่นๆ ในระบบราชการ หลังในช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สำนักงานดิจิทัลของญี่ปุ่นได้ยกเลิกกฎระเบียบทั้งหมด 1,034 ฉบับ ที่ควบคุมการใช้งานแผ่นดิสก์ ซึ่งรวมถึง แผ่นซีดี และมินิดิสก์ ในการเก็บข้อมูลของหน่วยงานราชการต่างๆ ยกเว้นการควบคุมด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการรีไซเคิลยานพาหนะ โดยจะมีการปรับปรุงกฎระเบียบเหล่านี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้บริการทางออนไลน์ได้
แม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในฐานะผู้พัฒนานวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงพบเห็นการยึดถือ และใช้เทคโนโลยีรุ่นเก่ากันอย่างแพร่หลายตามองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน แผ่นฟลอปปีดิสก์ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 แต่ก็เสื่อมความนิยมลงในอีก 3 ทศวรรษต่อมา เนื่องจากมีการคิดค้นและผลิตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า เช่น หากคุณต้องการจัดเก็บข้อมูลขนาด 32 กิกะไบต์ ซึ่งปัจจุบันสามารถเก็บได้ในเมมโมรีสติ๊กแท่งเดียว คุณจะต้องใช้แผ่นฟลอปปีดิสก์แบบธรรมดาในการจัดเก็บถึง 20,000 แผ่น อนึ่งญี่ปุ่นไม่ใช่ประเทศเดียวที่พยายามจะเลิกใช้เทคโนโลยีที่ล้าสมัย กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพิ่งประกาศในปี 2019 ว่าได้ยุติการใช้แผ่นดิสก์ในระบบควบคุมสำหรับคลังแสงนิวเคลียร์
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หน่วยงานราชการอื่นๆ ของญี่ปุ่นก็พยายามเลิกใช้เทคโนโลยีที่เก่านี้เหมือนกัน แม้จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเพราะหลายคนยังเห็นว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ยังใช้ได้ดี แต่ระบบนี้กำลังจะถูกเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีที่ใหม่ขึ้น เพราะธนาคารแจ้งว่าจะเริ่มเรียกเก็บเงิน 50,000 เยนต่อเดือน สำหรับการส่งข้อมูลแบบเก่า โดยธนาคารอ้างถึงการยุติการผลิตและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องอ่าน ตลอดจนชี้ให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพและความเสี่ยงของข้อมูลเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีใหม่ๆ
ขณะที่สำนักงานดิจิทัลของญี่ปุ่นได้ตั้งขึ้นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2021 เมื่อมีการเร่งกระจายการทดสอบและการฉีดวัคซีนทั่วประเทศซึ่งเผยให้เห็นว่ารัฐบาลยังคงพึ่งพาการใช้งานไฟล์ข้อมูลกระดาษและเทคโนโลยีที่ล้าสมัยอยู่มาก
อย่างไรก็ตามความพยายามเปลี่ยนการใช้งานข้อมูลไปสู่รูปแบบดิจิทัลของญี่ปุ่นได้ประสบปัญหามากมาย เช่น แอพพ์ติดตามผู้สัมผัสโรคประสบความล้มเหลวในช่วงการแพร่ระบาดและการนำบัตรประชาชนประจำตัวดิจิทัล My Number ของรัฐบาลมาใช้ยังล่าช้ากว่าที่คาดไว้ท่ามกลางอุบัติเหตุทางข้อมูลที่เกิดซ้ำๆ
ที่มา :
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4661834
https://tna.mcot.net/world-1387127
