WORLD : เด็กชาวปาเลสไตน์ผู้กล้าหาญยืนหยัดต่อสู้กับกองกำลังยึดครองของอิสราเอลที่ติดอาวุธหนักที่ทางเข้…
เกิดอะไรในโลก : รัฐบาลสหรัฐตำหนิรัสเซีย “ไร้ความรับผิดชอบ” กรณีทดสอบขีปนาวุะต่อต้านดาวเทียม ส่งผลให้เกิดเศษซากกระจายจำนวนมาก และลูกเรือบนสถานีอวกาศนานาชาติต้องดำเนินการตามขั้นตอนฉุกเฉิน
กองทัพอวกาศของสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า รัสเซียทำการทดสอบขีปนาวุธลูกหนึ่งกับเป้าหมายที่เป็นดาวเทียมดวงหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลมอสโกไม่ได้ใช้การแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบดังกล่าวก่อให้เกิด “ขยะอวกาศ” อย่างน้อย 1,500 ชิ้น “ที่ยังสามารถมองเห็นได้ผ่านจอเรดาร์และกล้องโทรทรรศน์” และยังมี “ชิ้นส่วนขนาดเล็กอีกนับไม่ถ้วน” ซึ่งยังไม่สามารถติดตามได้ และสร้างความกังวลให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ว่าอาจเป็นอันตรายต่อดาวเทียมที่โคจรอยู่ในบริเวณนั้น และที่สำคัญคือ สถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station -ISS)
📌 NASA ห่วงความปลอดภัย
ด้านองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ ( NASA ) รายงานว่า ลูกเรือ 7 คนบนไอเอสเอส แบ่งเป็นชาวอเมริกัน 4 คน ชาวรัสเซีย 2 คน และชาวเยอรมันอีกคนหนึ่ง ต้องหลบภัยภายในยานกลับโลก ทั้งยานดรากอนและโซยุซ เมื่อเวลา 14.00 น.ของวันจันทร์ตามเวลาไทย ตามระเบียบวิธีเพื่อเตรียมพร้อมสละไอเอสเอสกรณีฉุกเฉิน โดยทั้งหมดต้องหลบอยู่ในยานนานประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างที่สถานีโคจรผ่านหรือใกล้กลุ่มเมฆขยะอวกาศนี้ทุก 90 นาที
นาซากล่าวว่า ไอเอสเอสซึ่งโคจรอยู่เหนือโลกที่ความสูง 402 กิโลเมตร ผ่านเมฆขยะอวกาศนี้ 2 รอบ จนกระทั่งผู้เชี่ยวชาญของนาซาลงความเห็นว่า มีความปลอดภัยที่นักบินอวกาศจะกลับเข้าภายในสถานีหลังการโคจรผ่านรอบที่ 3
พร้อมทั้งเตือนว่า รัสเซีย “กำลังทำในสิ่งที่เป็นอันตราย” ต่อกิจกรรมอวกาศซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานทดลองด้านวิทยาศาสตร์ของนักบินอวกาศ โดยเชื่อว่าจะส่งผลกระทบไปอีกหลายวัน
บิล เนลสัน ผู้อำนวยการนาซา กล่าวในแถลงการณ์ด้วยว่า เขาโกรธมากกับการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบและทำลายความมั่นคงครั้งนี้ รัสเซียมีประวัติด้านการบินอวกาศโดยมนุษย์ จึงเป็นเรื่องคาดคิดไม่ถึงว่ารัสเซียจะก่ออันตราย ไม่เพียงต่อนักบินอวกาศอเมริกันและนานาชาติบนไอเอสเอส แต่รวมถึงนักบินอวกาศของรัสเซียเอง เช่นเดียวกับนักบินอวกาศจีนบนสถานีอวกาศของจีนด้วย
“นาซาจะเฝ้าสังเกตเศษซากดาวเทียมต่อไปในอีกหลายวันข้างหน้า เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยของลูกเรือของเราในวงโคจร” เขากล่าว
📌 เรียงหน้าตำหนิหมีขาว
นายเน็ด ไพรส์ โฆษกกระทรวงกสนต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า รัสเซียทำการทดสอบยิงขีปนาวุธทำลายดาวเทียมคอสมอส-1408 (Kosmos-1408) ซึ่งเป็นดาวเทียมเก่าตั้งแต่สมัยปี 1982 ปัจจุบันปลดประจำการแล้ว ส่งผลให้ดาวเทียมน้ำหนักกว่า 1 ตัน แตกเป็นเศษซากชิ้นใหญ่กว่า 1,500 ชิ้นโคจรอยู่ในวงโคจรโลก และมีเศษเล็กเศษน้อยอีกนับแสนชิ้นกระจายออกไปแบบไร้ทิศทางเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์และทรัพย์สินในอวกาศของนานาประเทศ
ที่อาจส่งผลต่อดาวเทียมจำนวนมากที่โคจรอยู่รอบโลก ซึ่งมีการใช้งานในหลากหลายวัตถุประสงค์ ทั้งระบบโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต การพยากรณ์อากาศ ระบบ GPS รวมไปถึงวิทยุดาวเทียมและโทรทัศน์ ถ้าหากระบบเหล่านี้เกิดความเสียหายขึ้น อาจส่งผลทำให้ระบบเศรษฐกิจทั่วโลกล่มได้
“พฤติกรรมอันตรายและไร้ความรับผิดชอบของรัสเซียเป็นอันตรายต่อความยั่งยืนระยะยาวของอวกาศ และมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคำกล่าวอ้าง คัดค้านการใช้อาวุธในอวกาศของรัสเซียนั้น เป็นคำพูดที่ไม่จริงใจและหน้าไหว้หลังหลอก” ไพรซ์กล่าว
โฆษกรายนี้กล่าวต่อว่า “สหรัฐฯจะทำงานร่วมกับพันธมิตรและคู่หูของเรา เพื่อตอบสนองพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบของรัสเซีย” เขากล่าว แต่ปฎิเสธแสดงความคิดเห็นถึงมาตรการต่างๆอย่างเฉพาะเจาะจงที่จะดำเนินการกับมอสโก
ส่วนจอห์น เคอร์บี โฆษกของเพนตากอนแถลงสรุปต่อผู้สื่อข่าวเช่นกัน เน้นย้ำว่ารัสเซียไม่ได้แจ้งวอชิงตันล่วงหน้าต่อการยิงทดลอบขีปนาวุธดังกล่าว
“เราเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับรูปแบบศักยภาพที่ดูเหมือนรัสเซียต้องการพัฒนา ซึ่งเสี่ยงเป็นภัยคุกคาม ไม่ใช่แค่กับผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของเรา แต่ยังรวมถึงผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของประเทศอื่นๆที่มีการเดินทางในอวกาศ” เขากล่าว
“เราชัดเจนมาตลอด เราอยากเห็นบรรทัดฐานทางอวกาศที่ทุกประเทศที่มีการเดินทางอากาศ ใช้ด้วยความรับผิดชอบ” เขากล่าว
ด้านกองทัพรัสเซีย และกระทรวงกลาโหมรัสเซียยังไม่มีทัศนะต่อเรื่องนี้ แต่องค์การอวกาศรัสเซีย ( รอสคอสมอส ) ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการทดสอบอาวุธของตัวเองในครั้งนี้ ว่าวงโคจรของชิ้นส่วนได้เคลื่อนตัวออกห่าง จากรัศมีการโคจรของไอสเอสเอสแล้ว แม้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ลูกเรือต้องดำเนินการตามขั้นตอนของการเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่ตอนนี้ถือว่า ไอเอสเอส “อยู่ในสถานะปลอดภัย”.
📌 ไม่ใช่ครั้งแรก
ปัจจุบันมีไม่กี่ประเทศที่ครอบครองอาวุธต่อต้านดาวเทียม (ASATs) ซึ่งเป็นมิสไซล์เทคโนโลยีขั้นสูง
จีนเคยทดสอบอาวุธลักษณะเดียวกันนี้ เมื่อปี 2007 ส่งผลให้เกิดเศษซากกระจายเป็นวงกว้างจนนับชิ้นไม่ถ้วนเช่นกัน และหนึ่งในชิ้นส่วนขนาดใหญ่โคจรเข้ามาใกล้กับไอเอสเอส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ลูกเรือช่วยกันเคลื่อนย้ายสถานี ให้พ้นจากเส้นทางอันตรายได้ทันเวลา
นอกจากนี้ สหรัฐและอินเดียเคยทำสอบขีปนาวุธต่อต้านดาวเทียมแบบนี้ด้วย เมื่อปี 2008 และ 2019 แต่ทั้งสองประเทศดำเนินการในระดับความสูงที่ต่ำกว่าไอเอสเอสมาก
📌 ไม่ว่าใครทดสอบก็มีแต่ผลเสีย
อย่างไรก็ตาม การทดสอบยิงขีปนาวุธต้านดาวเทียมและการทำลายดาวเทียมนั้น มักจะถูกประณามเสมอเมื่อมีการทดสอบ เพราะทำให้เกิดมลพิษต่อสภาพแวดล้อมบนอวกาศสำหรับทุกคน
นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงความยั่งยืนในระยะยาวของปฏิบัติการบนอวกาศ ที่มีความสำคัญต่อกิจกรรมเชิงพาณิชย์อย่างมหาศาล ทั้งการธนาคารและบริการ GPS ในขณะที่อวกาศก็มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุทธการสงคราม เช่น กองทัพสหรัฐฯ พึ่งพาดาวเทียมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการจับตาสิ่งที่เกิดขึ้นบนภาคพื้นดิน เช่น การชี้เป้ายุทโธปกรณ์ผ่านเลเซอร์และดาวเทียมในอวกาศ ตลอดจนใช้จับตาการปล่อยขีปนาวุธต่าง ๆและติดตามแสนยานุภาพของมัน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวกันว่า การทดสอบอาวุธทำลายดาวเทียมในวงโคจรก่ออันตรายในอวกาศ จากการสร้างกลุ่มเมฆเศษชิ้นส่วนที่อาจชนกับวัตถุอื่นๆ ก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ของโพรเจ็กไทล์ทั่ววงโคจรของโลก
โจนาธาน แม็กดาวล์ นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากฮาร์วาร์ด กล่าวว่า วัตถุชิ้นแรกจากเศษเมฆเศษชิ้นส่วนดาวเทียมอาจเริ่มตกสู่ชั้นบรรยากาศโลกภายใน 1-2 เดือน แต่กว่าชิ้นส่วนเหล่านี้จะหมดไปคงใช้เวลาถึง 10 ปี
ที่มา :
dailynews : https://www.dailynews.co.th/news/479739/
thairath : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2242801
thaipost : https://www.thaipost.net/abroad-news/26506/
mgronline : https://mgronline.com/around/detail/9640000113444
tnnthailand : https://www.tnnthailand.com/news/world/96666/
workpointtoday : https://workpointtoday.com/russia-anti-satellite-missile-test/