เกิดอะไรในโลก : สงครามซีเรียคร่าชีวิตพลเรือนกว่า 300,000 ราย นางมิเชล บาเชเล ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน…
UPDATE : เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอลเดินทางไปยังบาห์เรน เพื่อลงนามในเอกสารสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับทวิภาคี “อย่างเป็นทางการ”
นายอาลอน อุชพิซ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล และนายเมียร์ เบน-ชาบบาต ที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงแห่งชาติของรัฐบาลเทลอาวีฟ เดินทางด้วยเที่ยวบินพิเศษของสายการบินแอล อัล เยือนกรุงมานามา เมื่อวันอาทิตย์ เพื่อพบหารือกับนายอับดุลลาตีฟ อัล-ซายานี รมว.กระทรวงการต่างประเทศของบาห์เรน และทั้งสองฝ่ายเข้าพิธีลงนาม ‘หนังสือแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต, ความสงบ และความสัมพันธ์ฉันมิตร’ เพื่อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ และคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะเปิดสถานทูตของกันและกัน
ซายานีเป็นผู้ลงนามใน “ข้อตกลงอับราฮัม” ว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ ร่วมกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ในพิธีซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา นับเป็นประเทศที่ 4 ในโลกอาหรับ ต่อจากอียิปต์ จอร์แดน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) ซึ่งสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลเทลอาวีฟ โดยยูเออีลงนามกับอิสราเอล ในพิธีที่ทำเนียบขาวเช่นเดียวกับบาห์เรน
หลังจากพิธีลงนาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของบาห์เรน กล่าวว่า เขาหวังให้ทั้งสองประเทศเกิดความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน และเรียกร้องให้เกิดสันติสุขในภูมิภาค รวมทั้งหาทางออกเรื่องข้อพิพาทกับปาเลสไตน์ด้วย อย่างไรก็ตามสื่ออิสราเอลระบุว่าข้อตกลงนี้ ไม่มีการระบุถึงเรื่องความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
และแม้ว่าทั้งสองประเทศยืนยันว่าข้อตกลงทั้งสองฉบับ “คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ในการสร้างเสริมเสถียรภาพด้านความมั่นคงให้กับตะวันออกกลาง” แต่จนถึงตอนนี้ยังแทบไม่มีการให้รายละเอียดชัดเจน โดยเฉพาะข้อตกลงอับราฮัมซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเรียกว่า “ข้อตกลงสันติภาพ” ด้านผู้สันทัดกรณีมองว่า เป็นการขยายแนวรบของสงครามการทูตต่ออิหร่านมากกว่า
ส่วนซาอุดีอาระเบียแม้ยืนยันว่า การสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ “สำคัญกว่า” แต่เที่ยวบินของแอล อัล เดินทางจากกรุงเทลอาวีฟผ่านน่านฟ้าของซาอุดีอาระเบียไปยังบาห์เรน ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลอิสราเอลและยูเออีมีกำหนดลงนามร่วมกันในวันอังคารที่ 19 ต.ค. นี้ตามเวลาท้องถิ่น เรื่องการเปิดเส้นทางบินตรง 28 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ระหว่างนครเทลอาวีฟกับกรุงอาบูดาบี และนครดูไบ.