White Channel

ประวัติและการทำงาน ของเมาลานา อิสลาห์ บุษกร

ประวัติและการทำงาน ของเมาลานา อิสลาห์ บุษกร

NEWSCLIP : อนาชีด โรงเรียนสอนกุรอานผู้พิการทางสายตา อักษรเบลล์ มัดรอซะฮ์อัลนูร

เมาลานาอิสลาห์เป็นนักศึกษารุ่นแรกที่ได้เรียนกุรอานจากอักษรเบรลล์อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในการผลิตสื่ออักษรเบรลล์เพื่อใช้ในการศึกษาที่นั้นร่วมกับเพื่อน และอาจารย์  เมาลานาอิสลาห์ ถือเป็นคนไทยผู้สูญเสียการมองเห็นคนแรกที่ได้เรียนรู้การอ่านและการท่องจำกุรอานอักษรเบรลล์

.

หลังจากจบการศึกษาแล้ว ด้วยความรู้ความสามารถและผลงานที่เป็นที่ยอมรับ ทางสถาบัน MANB จึงยังคงอยากให้เมาลานาอิสละห์ อยู่ต่อเพื่อเป็นอาจารย์ที่สถาบันแห่งนี้เลย แต่เมาลานาอิสลาห์ก็ต้องกลับไทยเพราะความตั้งใจที่จะมาเติมเต็มสิ่งที่สังคมไทยยังขาดหายไป

………

#ประวัติและการทำงาน ของเมาลานา อิสลาห์ บุษกร

#โดยผศ.ดร.มาโนชญ์ อารีย์ ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์.ศรีนครินทรวิโรฒ เมื่อปี 2018

.

เมาลานา อิสลาห์ บุษกร ความมืดที่สว่างไสวของมุสลิมปาย กับการริเริ่มโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามเฉพาะทางสำหรับผู้พิการทางสายตาแห่งแรกของประเทศไทย (Madrassa An- Noor for The Blind กำลังเริ่มสร้างนะครับต้องการการสนับสนุนงบอยู่)

เมื่อเอ่ยถึงอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักและเคยสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งความสวยงามของดินแดนแห่งนี้ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทยและชาวต่างชาติ

แต่ผมเองซึ่งเป็นคนเชียงใหม่เพิ่งได้มีโอกาสไปเป็นครั้งแรกและด้วยความเป็นคนที่เวลาไปไหนจะสนใจวิถีชุมชนพอๆกับสถานที่ท่องเที่ยว จึงอยากนำเรื่องความประทับใจของชุมชนมุสลิมที่เข้มแข็งของอำเภอนี้มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งผมเองก็ค้นพบสัจธรรมบางอย่างที่เป็นเรื่องจำเป็นซึ่ง คนมองไม่เห็นมองเห็นแต่คนมองเห็นมองไม่เห็น

การมาเที่ยวปายครั้งนี้ผมได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากครอบครัวบุษกรของคุณวันชัย บุษกร (คนมักเรียกโก วันชัยซึ่งเป็นตระกูลมุสลิมเชื้อสายจีนดั้งเดิมที่บรรพบุรุษเดินเท้าเข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่นี้ตั้งแต่รุ่นพ่อของอิหม่ามสมชาย บุษกร แห่งมัสยิดอัลอิสรอ ซึ่งเป็นมัสยิดแห่งเดียวในอำเภอปาย โดยอิหม่ามสมชาย เป็นพี่ชายของคุณวันชัย

สิ่งที่สัมผัสได้หลังจากที่เข้าไปเยี่ยมบ้านของครอบครัวบุษกรและร่วมพูดคุยรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน พบว่าครอบครัวนี้ให้ความสำคัญกับการศึกษามาก ภายในบ้านจะมีการจัดเตรียมสถานที่สำหรับจัดการเรียนการสอนศาสนาให้กับเด็กๆและผู้สนใจอิสลามหรือมุสลิมใหม่ด้วย พอคุยไปคุยมาถึงได้รู้ว่าตระกูลบุษกรพร้อมเครือญาติและ สมาชิกในชุมชนยังมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานการศึกษาให้กับชุมชนทั้งในด้านศาสนาและสามัญเช่นการจัด Home School และการส่งเสริมการศึกษาแบบ กศน. รวมไปถึงตอนนี้ที่กำลังมีโครงการสร้างโรงเรียนสอนศาสนาสำหรับผู้พิการทางสายตาโดยเฉพาะ ซึ่งน่าสนใจมากเพราะประเทศไทยยังไม่มีโรงเรียนสอนศาสนาในลักษณะนี้เลย

ใครที่ได้มาสัมผัสชุมชนมุสลิมที่นี่คงจะรับรู้ได้ว่าเป็นชุมชนที่เข้มแข็งมากในแนวทางของศาสนาและสามารถดำรงวิถีชีวิตหรืออัตลักษณ์ของตัวเองได้อย่างเหนียวแน่นท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของทุนนิยมที่เชี่ยวกราดเข้ามายังพื้นที่ มุสลิมที่นี่มีประมาณ 50 ครัวเรือนอยู่กันแบบพี่น้องที่ใกล้ชิดกัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีความกลมเกลียวสมัครสมานสามัคคีกับชุมชนพหุวัฒนธรรมและอยู่ร่วมกับพี่น้องต่างศาสนาได้อย่างปกติสุข

อีกความประทับใจส่วนตัวคือพี่น้องมุสลิมที่นี่มีความสนใจต่อสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศและโลกมุสลิมเป็นอย่างมาก มีความรู้ความเข้าใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างดีผ่านการรับรู้ข่าวสารอย่างรอบด้าน ผมได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลายๆ กรณี ทำให้สัมผัสได้ทันทีว่ามุสลิมที่นี่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดมาก และที่สำคัญรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่หลายท่านติดตามฟังการวิเคราะห์ของผมอยู่เสมอและหนึ่งในนั้นคือ เมาลานา อิสลาห์ บุษกร บุตรชายของคุณวันชัย ผู้ที่สายตาไม่สามารถมองเห็นแต่มีจิตใจและวิสัยทัศน์ที่สว่างไสวมาก บุคคลที่ผมมองว่าอยู่ในความมืดที่สว่างไสวและเป็นความภูมิใจของมุสลิมปายและประเทศชาติ

เมาลานา อิสลาห์ บุษกร คือใครและกำลังทำอะไร?

ย้อนกลับไปเมื่อราว 20 กว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นผมก็ยังเด็กมาก ไม่รู้จักอำเภอปายเลย ปายตอนนั้นก็ไม่เป็นที่รู้จักเหมือนตอนนี้ แต่มีเรื่องฮือฮาซึ่งเป็นที่กล่าวขานชื่นชมกันอย่างกว้างขวางในแวดวงมุสลิมภาคเหนือว่ามีเด็กแม่ฮ่องสอนคนหนึ่งที่แม้ว่าสายตาจะมองไม่เห็นแต่สามารถท่องจำคัมภีร์อัลกรุอานได้ทั้งเล่มด้วยวัยเพียง 11 ขวบเท่านั้น เด็กคนนั้นคือเมาลานา อิสลาห์บุษกร ในปัจจุบัน

.

ผมน่าจะมีโอกาสได้เจออิสลาห์ อยู่ครั้งหรือสองครั้ง แต่ไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกัน ตอนนั้นผมน่าจะอายุ 16 ปี หรือมากกว่าอิสลาห์ 5 ปี ซึ่งไม่นานผมก็เดินทางไปศึกษาต่อที่อินเดียอยู่หลายปี และไม่ได้ข่าวคราวของเด็กฮาฟิสคนนี้อีกเลย มาวันนี้ได้มีโอกาสไปปายจึงได้รู้ว่าเด็กฮาฟิสคนนี้ได้ออกเดินทางเพื่อการศึกษามาโดยตลอด ทั้งที่ สถาบันท่องจำกุรอานที่จังหวัดพัทลุง มัรกัซจังหวัดยะลา  และจากนั่นก็ไปศึกษาต่อที่ประเทศแอฟริกาใต้ ที่สถาบันอิสลามเฉพาะทางสำหรับคนพิการทางด้านสายตา(Madrassa An- Noor for the Blind)

.

ผ่านมาหลายปีวันนี้เขากลายเป็นความภูมิใจของมุสลิมปายและประเทศไทยที่ ใครใครเรียกว่าเมาลานา อิสลาห์” (หมายถึงผู้เปี่ยมไปด้วยความรู้หรืออาจารย์)

.

หลังจากสนทนาประเด็นปัญหาการเมืองของโลกมุสลิมกับเมาลานา อิสลาห์แล้ว เราก็คุยกันหลายเรื่องส่วนใหญ่ผมมักจะถามเกี่ยวกับประวัติผลงานและภารกิจต่างๆที่ท่านกำลังทำอยู่

.

เมาลานา อิสลาห์ ปัจจุบันอายุ 35 ปี มีชีวิตในวัยเยาว์เหมือนเด็กทั่วๆไปแต่พอเริ่มโตขึ้นมาก็มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตาจนต้องเข้ารับการผ่าตัดและรักษามาเรื่อย จนกระทั่งอายุ 8 ขวบ ก็สูญเสียการมองเห็นทั้ง 2 ข้าง

จากการสูญเสียการมองเห็นซึ่งเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่จากพระผู้เป็นเจ้า อิสลาห์ก็ต้องออกจากโรงเรียนแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เด็กคนนี้หยุดที่จะศึกษาแสวงหาความรู้ด้านศาสนาต่อไป และด้วยวัยเพียง 8 ปี ก็เริ่มสนใจท่องจำคัมภีร์อัลกุรอานอย่างจริงจัง จนสามารถท่องจำทั้งเล่มได้ในวัยเพียง 11 ปีเท่านั้น

.

อิสลาห์ ยังคงแสวงหาโอกาสที่จะศึกษาด้านศาสนาอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นเรื่องยากลำบากก็ตาม เพราะสถาบันการศึกษาทางศาสนาแบบเฉพาะทางสำหรับผู้พิการทางสายตาหายากมากหรือไม่มีเลยในประเทศไทย

.

แต่กระนั้นด้วยความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า อิสลาห์ก็ได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาต่อที่สถาบันอิสลามเฉพาะทางสำหรับผู้พิการทางสายตา ที่ประเทศแอฟริกาใต้ (Madrassa An- Noor for the Blind) ใช้เวลาเล่าเรียนอยู่ที่นั่น 8 ปี

.

อิสลาห์ถือเป็นนักเรียนที่โดดเด่นมาก โดยในระหว่างที่เรียนก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับสถาบันและประเทศแอฟริกาใต้เป็นอย่างมาก ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของแอฟริกาใต้ไปแข่งขันในเวทีระดับสากลและได้รับรางวัลชนะเลิศด้วย (ใครสนใจอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถของเมาลานา อิสละห์ก็สามารถค้นหาได้ทางอินเตอร์เนตและยูทูป) ในปี .. 2005 เมาลานาได้รับเลือกเป็นตัวแทนของแอฟริกาใต้เข้าร่วมการแข่งขันท่องจำอัลกุรอานนานาชาติที่ญิดดะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย และได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งด้วย ถือเป็นคนไทยคนแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในระดับนานาชาติในเวทีการแข่งขันท่องจำกุรอานระดับโลก รวมทั้งสร้างชื่อเสียงให้กับแอฟริกาใต้ด้วย

.

เมาลานาอิสลาห์เป็นนักศึกษารุ่นแรกที่ได้เรียนกุรอานจากอักษรเบรลล์อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในการผลิตสื่ออักษรเบรลล์เพื่อใช้ในการศึกษาที่นั้นร่วมกับเพื่อน และอาจารย์  เมาลานาอิสลาห์ ถือเป็นคนไทยผู้สูญเสียการมองเห็นคนแรกที่ได้เรียนรู้การอ่านและการท่องจำกุรอานอักษรเบรลล์

.

หลังจากจบการศึกษาแล้ว ด้วยความรู้ความสามารถและผลงานที่เป็นที่ยอมรับ ทางสถาบัน MANB จึงยังคงอยากให้เมาลานาอิสละห์ อยู่ต่อเพื่อเป็นอาจารย์ที่สถาบันแห่งนี้เลย แต่เมาลานาอิสลาห์ก็ต้องกลับไทยเพราะความตั้งใจที่จะมาเติมเต็มสิ่งที่สังคมไทยยังขาดหายไป

.

นอกจากความรู้ความสามารถในเชิงวิชาการแล้วสิ่งที่โดดเด่นในตัวของเมาลานาอิสลาห์ ซึ่งท่านได้เรียนรู้มาจากที่นั้นและจะเป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อประเทศไทยคือ การเรียนการสอนและการอ่านกุรอ่านอักษรเบรลล์ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าประเทศไทยจะมีผู้ที่มีความรู้และทักษะนี้กี่คน (แต่เข้าใจว่ามีไม่มากหรืออาจไม่มีเลย) ตรงนี้ผมจึงเห็นว่าเมาลานาอิสละห์ คือทรัพยากรมนุษย์ที่ทรงคุณค่ามากสำหรับสังคมมุสลิมไทยที่จะสร้างคุณประโยชน์ให้กับมุสลิมผู้พิการทางสายตาให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาด้านศาสนาไม่ต่างไปจากคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนอัลกุรอานจากอักษรเบรลล์นอกจากนั้นก็ยังสามารถสอนคนปกติทั่ว ไปได้อีก

.

เมาลานาอิสละห์ กำลังทำอะไร?

เท่าที่ผมทราบ ปัจจุบันเมาลานาอิสลาห์ มีภารกิจความรับผิดชอบในกิจการงานด้านศาสนาที่หลากหลายไม่ต่างจากนักวิชาการศาสนาทั่ว ไป ทั้งทำหน้าที่ให้ความรู้กับชุมชน สอนอัลกุรอาน เป็นอิหม่ามนำละหมาด บรรยายธรรมหรือคุตบะห์วันศุกร์ฯ

หลายครั้งที่ต้องเดินทางขึ้นเหนือลงใต้ไปบรรยายไปให้ความรู้กับสถาบันและองค์กรต่าง ตามคำเชิญ ซึ่งในการเดินทางแต่ละครั้งก็จะต้องนั่งรถจากแม่ฮ่องสอนไปขึ้นเครื่องบินที่เชียงใหม่ ใช้เวลากว่า 3 โมงแล้ว (ไปกลับก็ 6 ชั่วโมง) ครั้งล่าสุดก็เพิ่งเดินทางไปร่วมงานที่อินโดนีเซีย การเดินทางไปบรรยายนอกสถานที่ของเมาลานาอิสลาห์ นอกจากเป็นการให้ความรู้แล้วยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนอีกมากมาย ที่สำคัญท่านได้มีโอกาสไปถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์การจัดการเรียนการสอนทางศาสนาเฉพาะทางสำหรับผู้พิการทางสายตาให้กับหลาย แห่ง เพื่อกระตุ้นให้สังคมเห็นถึงความสำคัญของมุสลิมกลุ่มนี้ที่แม้จะมองไม่เห็น แต่ก็ต้องการเรียนศาสนาและต้องไม่ลืมว่าคนที่มองไม่เห็นจะมีสัมผัสบางอย่างและมีสมาธิที่ดีกว่าคนปกติ ดังนั้น จึงน่าจะเป็นกลุ่มที่เรียนรู้ศาสนาได้ดีหรือสืบสานการท่องจำพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานได้อย่างรวดเร็ว เมาลานาเล่าให้ผมฟังว่าปัจจุบันมีมุสลิมไทยที่พิการทางสายตาประมาณ 2 หมื่นกว่าคนเลย หลายคนก็ไม่ได้มีโอกาสทางการศึกษา หลายคนก็ต้องทำอาชีพที่สามารถเลี้ยงชีพได้ซึ่งบางอาชีพอาจไม่เหมาะสมนัก บางคนอาจต้องเป็นขอทานในที่สุด

คำถามคือ สังคมมุสลิมควรร่วมกันดูแลคนกลุ่มนี้อย่างไร ไม่ให้พวกเขาถูกทิ้งไว้ข้างหลังในโลกที่มืดมิด หรือเราควรส่งเสริมให้พวกเขาได้รับการศึกษาทางด้านศาสนา (รวมทั้งสามัญ) ยกให้เป็นกลุ่มคนที่ทรงเกียรติมีศักดิ์ศรีในฐานะผู้ทำงานศาสนา ออกแบบระบบและกลไกในการดูแลพวกเขาในฐานะทรัพยากรมนุษยที่ทรงคุณค่า ไม่ใช่ผู้พิการที่รอความช่วยเหลือ แต่เป็นผู้ทุ่มเททำงานทางศาสนาเพื่อสังคมส่วนรวม

ผมถามถึงแนวทางในการพัฒนาการศึกษาอิสลามเฉพาะทางสำหรับผู้พิการทางสายตาในประเทศไทยว่ามีสถาบันแบบนี้โดยเฉพาะหรือไม่ คำตอบคือยังไม่มีและในอาเซียนก็ยังไม่น่าจะมีด้วย

เป็นความยินดีและน่าชื่นชมอย่างมากเมื่อรู้ว่าเมาลานาได้ริเริ่มการสร้างสถาบันในลักษณะนี้ขึ้นแล้วที่อำเภอปาย ความสวยงามของธรรมชาติและความงดงามของงานศาสนาเพื่อสังคมยิ่งจะทำให้ดินแดนแห่งนี้มีความสำคัญทางจิตวิญญาณสำหรับมุสลิมไทยมากขึ้น และอาจจะเป็นศูนย์กลางของการศึกษาอิสลามเฉพาะทางสำหรับผู้พิการทางสายตาของอาเซียนอีกด้วย หากได้รับการสนับสนุนผลักดันที่มากพอ ซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจไม่เฉพาะของประเทศแต่จะเป็นความภาคภูมิใจของภูมิภาคอาเซียนที่มีประชากรมุสลิมกว่า 300 ล้านคนด้วย

ทั้งนี้ ด้วยความสามารถและศักยภาพของเมาลานาที่ผมได้สัมผัสก็มั่นใจว่าจะเป็นผู้ที่ผลักดันสถาบันในลักษณะนี้ได้เป็นอย่างดีเพราะว่าการที่ได้ไปเรียนที่แอฟริกาใต้ ทำให้เมาลานามีทักษะความสามารถที่หลากหลายรอบด้านมากโดยเฉาะด้านภาษา ทั้งภาษาอาหรับ ภาษาอังกฤษ ภาษาอุรดู หรืออาจจะรวมถึงภาษาถิ่นของที่นั่นด้วย นอกจากนี้เมาลานายังมีทักษะการใช้เทคโนโลยีที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์หรือเครื่องมืออิเลคโทรนิกอื่น ที่สำคัญคือเครื่องฝึกการอ่านกุรอานอักษรเบรลล์และยังมีฟังชั่นอื่น อีกมากมาย (ตามรูปด้านล่างครับ) ซึ่งราคาสูงมาก ตัวหนึ่งแสนกว่าบาท เป็นการเอาเทคโนโลยีของสหรัฐฯกับรัสเซียมาผสมผสานกัน อีกเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญคือเครื่องพิมพ์หรือ Printer สำหรับพิมพ์เอกสารอักษรเบรลล์โดยเฉพาะ ซึ่งมีราคาสูงเช่นกัน (ตามรูป) เมาลานา ยังมีความพร้อมเรื่องหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอนมาก มีกรุอานฉบับอักษรเบรลล์หลายเล่ม กล่าวคือ 1 เล่มจะมี 5 บท

ปัจจุบัน อาจจะมีไม่กี่คนที่รู้ว่ากำลังจะมีสถาบันการศึกษานี้เกิดขึ้นที่อำเภอปาย บนที่ดินวะกัฟหรือที่ดินที่ได้รับจากการบริจาคเพื่อส่วนรวม 5 ไร่ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารสถานที่ (ตามภาพ) ผมสอบถามได้ความว่าในระหว่างที่ทำก็ไม่ได้จัดงานหรือประชาสัมพันธ์เพื่อการระดมทุนใด มากนักแต่ก็มีความคืบหน้าอยู่เรื่อย จากการสนับสนุนของผู้คนหลากหลายที่ทราบเรื่องนี้

ขณะนี้ก็เริ่มมีนักเรียนที่พิการทางสายตาจากภาคใต้เริ่มมาเรียนมาอยู่ประจำแล้ว 3 คน (ตามรูป) และได้อ่านกุรอานจากอักษรเบรลล์ให้ผมฟังด้วย (ตามคลิป) เมาลานาอิสลาห์ตั้งใจว่าอยากผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อรองรับผู้พิการทางศาสนาทั่วประเทศและจากต่างประเทศด้วย ซึ่งผมคิดว่าต้องมีค่าใช้จ่ายสูงมาก โดยในเบื้องต้นเมาลานาจะทำอาคารเรียนชั้นเดียวก่อน แต่ก็จะวางฐานรองรับสำหรับการปรับเป็น 2 ชั้นในอนาคต เพราะตอนนี้ไม่มีงบประมาณที่เพียงพอ  งบที่ต้องใช้จ่ายดูแลผู้พิการทางสายตาก็สูงมากกว่าดูแลคนปกติแน่นอน นอกจากนี้ยังต้องใช้จ่ายงบเพื่อการจัดสื่อสื่อการเรียนการสอนอื่น อีกมากมาก

ผมจึงอยากเชิญชวนพี่น้องและเพื่อน ร่วมด้วยช่วยกันคนละไม่ละมือตามกำลังความสามารถที่จะช่วยได้ หรืออย่างน้อยผ่านไปปาย ก็ไปให้กำลังใจเมาลานาและนักเรียนที่นั้นก็ยังดีครับ เพราะเป็นความจำเป็นมากที่เราต้องสนับสนุนกิจการงานในส่วนนี้ที่สังคมเรายังขาดหายไป

หากท่านใดไปเที่ยวหรือมีโอกาสได้ไปเยือนปายสามารถแวะเยี่ยมชมได้สถาบันแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนทางขึ้นไปหมู่บ้านสันติชน หรือทางขึ้นไปชมทะเลหมอกหยุนไหล ที่ตั้งของโรงเรียนจะอยู่ซ้ายมือ มองเข้าไปในระยะ 50 เมตรก็เห็นเลย (ตามภาพ) หรือท่านใดต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างและสนับสนุนการสร้างสถาบันแห่งนี้

.

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่เบอร์เมาลานาอิสลาห์ : 0876566089 หรือที่ไลน์ Albasirah นะครับ

.

ที่อยู่ : MISTER  ISARA  BUSAKORN

MASDRASSA  NOOR FOR  THE BLIND,

68/1 MOO 5,

TAMBON WIANGTAI,

PAI DISTRICT,

MAEHONGSORN, 58130,THAILAND

.

ที่มา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0UAqTZ13uQcoUEzavZsB516n7XsC2nPFQ3TSyDhdXYGmcRYm4XGv1A6WBncz68jhol&id=100001983633783

.

#ขุนคมคำ

error: ขอบคุณที่ติดตามครับ