ตอนที่ 4 : วิธีการที่นักไสยศาสตร์เรียกญิน (ภาคที่ 2)
บทความตอนที่แล้วได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่นักไสยศาสตร์ใช้ในการเรียกญินไปแล้ว 2 วิธีการ อย่างที่ได้กล่าวไว้ว่า เรานำเสนอข้อมูลนี้โดยสังเขปเพียงให้เห็นภาพคร่าวๆเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้อ่านได้ทำความรู้จัก และไม่เข้าใจผิดหรือถูกหลอก โดยพวกนักไสยศาสตร์เจ้าเล่ห์ที่แอบอ้างการทำไสยศาสตร์อันเป็นสิ่งต้องห้ามว่าเป็นวิธีการรักษาไสยศาสตร์ตามหลักคำสอนของศาสนา
การสาบานด้วนนามของชัยฏอนมารร้าย และการเชือดสัตว์บูชายัญด้วยนามของชัยฏอน เป็นรูปแบบวิธีการที่นักไสยศาสตร์ใช้ในการเรียกญิน ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามและเป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮอย่างชัดเจน ยังมีรูปแบบวิธีการอื่นๆอีกที่เราควรรู้จักและระมัดระวัง
วิธีการที่ 3 : สุฟลียะฮฺหรือทำบาปใหญ่
วิธีการสุฟลียะฮ คือการที่นักไสยศาสตร์เรียกใช้ญิน โดยแลกกับการทำบาปใหญ่ต่างๆ เช่น การเหยียบอัลกุรอาน คือใช้อัลกุรอานเป็นรองเท้าเดินไปในเข้าห้องน้ำ หรือการร่วมหลับนอนกับมะหฺร็อม[1]ของเขาเอง หรือร่วมหลับนอนกับเพศเดียวกัน หรือการข่มขืน หรือกล่าวด่าทอศาสนา ซึ่งทั้งหมดคือพฤติกรรมที่เป็นบาปใหญ่ ซึ่งพวกญินชั่วหรือชัยฏอนชื่นชอบและพอใจ หลังจากลงมือทำบาปใหญ่ไปแล้ว นักไสยศาสตร์ก็จะอ่านคาถาเรียกพวกญิน และสั่งพวกญินให้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ
วิธีการที่ 4 : ใช้นะญาซะฮฺหรือสิ่งสกปรก
วิธีการนี้นักไสยศาสตร์จะใช้นะญาซะฮฺหรือสิ่งสกปรกต่างๆประกอบการเรียกญิน สิ่งสกปรกดังกล่าวอาจจะเป็นเลือดประจำเดือนของผู้หญิง, ปัสสาวะ, อุจจาระ หรือซากสัตว์ แล้วนำมาเขียนบางคำหรือบางอายะฮฺจากอัลกุรอาน หลังจากนั้นนักไสยศาสตร์ก็จะอ่านคาถาต่างๆที่เป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ กระทั่งญินรับใช้ปรากฏตัวออกมา พร้อมที่จะปฏิบัติทำตามคำสั่งของนักไสยศาสตร์
วิธีการที่ 5 : เขียนอัลกุรอานกลับด้าน
นักไสยศาสตร์จะเขียนอายะฮฺหรือสูเราะฮฺอัลกุรอานโดยกลับหัวกลับหาง อาจจะเริ่มต้นด้วยตัวอักษรสุดท้าย และจบท้ายด้วยตัวอักษรแรกของอายะฮฺนั้นๆ หรืออาจจะเขียนสลับกันมั่วไปเลย หลังจากนั้นนักไสยศาสตร์ก็อ่านคาถาที่มีเนื้อหาการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ แล้วสั่งใช้ญินให้ทำตามที่เขาต้องการ
วิธีการที่ 6 : ใช้วิชาโหราศาสตร์
นักไสยศาสตร์จะคอยติดตามการปรากฏตัวของกลุ่มดาวหรือดาวบางดวง แล้วพูดคุยกับดาวดวงนั้นๆด้วยคาถาต่างๆที่มีเนื้อหาการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ หลังจากนั้นนักไสยศาสตร์จะเต้นรำหรือเคลื่อนไหวร่างกายด้วยรูปแบบการเคลื่อนไหวที่จำเพาะ เพื่อเรียกวิญญาณของดวงดาวให้เดินทางลงมาตอบรับคำวิงวอนของเขา
วิธีการเช่นนี้ถือเป็นการทำไสยศาสตร์ที่ชัดเจน เป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ และทำให้ตกจากศาสนาด้วย แม้ว่าผู้กระทำบางคนจะไม่ยอมรับก็ตาม เพราะทั้งคาถาที่อ่าน การเต้นรำหรือเคลื่อนไหวร่างกายด้วยท่วงท่าเฉพาะ และการหวังพึ่งต่อพวกดวงดาว ล้วนแสดงถึงเป็นการอิบาดะฮฺ[2] ต่อสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากอัลลอฮทั้งสิ้น ดวงดาวไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยเกี่ยวกับคำขอของนักไสยศาสตร์ พวกญินต่างหากที่ออกมาตอบสนองความต้องการของเขา
ดาวบางดวงปรากฏตัวปีละ 1 ครั้งเท่านั้น นักไสยศาสตร์บางคนจึงมีความเชื่อว่า ไม่มีทางทำลายพลังของไสยศาสตร์ที่ทำด้วยวิธีการนี้ได้ นอกจากต้องรอให้ดาวดวงนั้นๆปรากฏขึ้นอีกครั้งในครั้งต่อไป แต่ตามหลักการอิสลามแล้ว ฤทธิ์ไสยศาสตร์ทุกประเภทถูกทำลายไลงด้ด้วยพลังของอัลกุรอานและความช่วยเหลือจากอัลลอฮ
วิธีการที่ 7 โปรดติดตามในบทความตอนต่อไป อินชาอัลลอฮ
[1] มะหฺร็อม คือญาติใกล้ชิดตามหลักการอิสลาม ซึ่งเป็นบุคคลที่ห้ามแต่งงานด้วย ซึ่งอาจเป็นญาติใกล้ชิดผ่านทางสายเลือด หรือเป็นญาติใกล้ชิดผ่านการดื่มน้ำนมแม่ร่วมกัน หรือด้วยการแต่งงาน เช่น เช่น พ่อแม่, พี่น้อง, ปู่ย่า-ตายาย, ลูก-หลาน, ลุง-ป้า-น้า-อา และสามี-ภรรยา เป็นต้น
[2] อิบาดะฮฺ หมายถึง การเคารพภักดี ทั้งโดยจิตใจภายในและการแสดงออกภายนอก ซึ่งมุสลิมจะต้องเคารพภักดีต่ออัลลอฮเพียงผู้เดียวเท่านั้น ด้วยการปฏิบิตตามที่พระองค์สั่งใช้ และออกห่างจากสิ่งพระองค์ทรงห้าม