พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางส่งเสริมสังคมสมานฉันท์ และขยายความร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรม」
.
วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2567 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำคณะผู้แทนไทย หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยในช่วงเช้าได้หารือกับ นายมาซากอส ซุลกิฟิ (Mr.Masagos Zulkifi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและครอบครัว รัฐมนตรีคนที่สองกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีกำกับดูแลด้านกิจการมุสลิม เกี่ยวกับประเด็นสืบเนื่องจากการหารือเมื่อครั้งที่นายมาซากอสฯ มาเยือนไทย รวมถึงข้อท้าทายและแนวทางแก้ปัญหาประเด็นต่างๆ อาทิ การจัดการศึกษาให้กับผู้ต้องขัง การฟื้นฟูผูัต้องขังโดยใช้หลักศาสนา แนวทางเสริมสร้างสังคมสมานฉันท์ การทำงานร่วมกับชุมชนด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม การสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจระหว่างกัน เป็นต้น
.
ทั้งนี้ นายมาซากอสฯ ได้ชื่นชมความตั้งใจจริงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเน้นย้ำความสำคัญของการให้โอกาสที่เท่าเทียมกับทุกคนซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่นำไปสู่สังคมสมานฉันท์ การสร้างคนรุ่นใหม่เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ และการส่งเสริมสันติภาพเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ ในการนี้ สิงคโปร์ยินดีสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การพัฒนามาตรการฟื้นฟูผู้ต้องขังบนหลักศาสนา และการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพให้กับผู้ต้องขัง แลกเปลี่ยนเทคนิคการสร้างความเข้าใจถึงความหลากหลายให้กับสังคม จัดการศึกษาดูงานด้านการสร้างด้านสังคมสมานฉันท์ในสิงคโปร์ให้กับผู้นำศาสนา ผู้บริหารจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และนักธุรกิจของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ทุนการศึกษาและฝึกอบรมแก่เยาวชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงยินดีสนับสนุนการดำเนินงานในด้านอื่นๆ ที่ไทยต้องการอีกด้วย
.
จากนั้น ในช่วงบ่าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุติธรรม ได้หารือกับ นายมูฮัมมัด ไฟซาล อิบราฮิม (Mr. Muhammad Faishal Ibrahim) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาชาติ เกี่ยวกับแนวทางการสร้างความไว้วางใจและการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมที่มีความหลากหลาย โดยสิงคโปร์เริ่มจากการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน สื่อสารกับสังคมให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน สร้างความตระหนักรู้ถึงความหลากหลายให้กับสังคมโดยเริ่มตั้งแต่เยาว์วัย ให้โอกาส สิทธิ และสวัสดิการกับทุกคนอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะโอกาสด้านการศึกษา สร้างบรรยากาศการอยู่ร่วมกันโดยการแบ่งโควต้าที่อยู่อาศัยให้กับหลายเชื้อชาติได้อยู่ร่วมกันในบ้านสงเคราะห์ที่รัฐบาลจัดให้ กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบการจัดการความหลากหลายที่ชัดเจน เปิดโอกาสให้ชนกลุ่มน้อยทุกกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองทั้งในส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น เสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างรัฐบาลและชุมชน นอกจากนั้น ยังได้แลกเปลี่ยนพัฒนาการเกี่ยวกับการจัดทำและขับเคลื่อนกฎหมายขจัดการเลือกปฏิบัติทางศาสนา และการจัดทำร่างกฏหมายขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนต้นแบบที่ดีของสิงคโปร์ในการจัดตั้งโรงเรียนเรือนจำเพื่อส่งเสริมการศึกษาในทุกระดับชั้นให้แก่ผู้ต้องขังอีกด้วย
.
ทั้งนี้ นายมูฮัมมัดฯ มีความยินดีและชื่นชมวิสัยทัศน์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในการแก้ปัญหาดังกล่าว และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนในการดำเนินงานของไทย โดยในเบื้องต้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะเรียนเชิญนายมูฮัมหมัดฯ ไปเยือนประเทศไทย เพื่อศึกษาบริบทสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งจะส่งคณะเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์มาศึกษาดูงานด้านการส่งเสริมการศึกษาให้กับผู้ต้องขัง นอกจากนั้น จะได้ศึกษารูปแบบและสาระสำคัญของกฎหมายขจัดการเลือกปฏิบัติต่อศาสนาและเชื้อชาติเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนากฎหมายภายใต้บริบทของประเทศไทยต่อไป