.
พล.ต.ฟายิซ อัดดุวัยรี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารและยุทธศาสตร์ เชื่อว่าในการปลดปล่อยปาเลสไตน์เราต้องมีส่วนร่วมในขั้นตอนการเตรียมการที่ยาวนานซึ่งจะกินเวลานานหลายปี ซึ่งตรงกับการเริ่มต้นสร้างวัฒนธรรมของทหารในระดับประเทศ สังคม และความรู้ความเข้าใจ โดยเน้นย้ำว่าเขาไม่เชื่อในสิทธิของอิสราเอลที่จะดำรงอยู่ในภูมิภาคอาหรับ
.
คำกล่าวของอัดดุวัยรี่ เกิดขึ้นเพื่อตอบคำถามที่ว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ปลดปล่อยปาเลสไตน์ ? ” – ในระหว่างรายการ “Dhaif Shuaib” ซึ่งออกอากาศทาง “Al Jazeera 360”
.
เขากล่าวเสริมว่า “ตอนนี้จะต้องมีโครงการปลดปล่อยปาเลสไตน์ ไม่ใช่โครงการสันติภาพ” โดยอ้างว่ากลุ่มขวาจัดของอิสราเอลไม่ยอมรับสิทธิในการดำรงอยู่ของชาวปาเลสไตน์
.
หากจอร์แดนต้องเผชิญกับความก้าวร้าว(ของอิสราเอล) อัดดุวัยรื่กล่าวว่าหากเขาอยู่ในตำแหน่งที่รับผิดชอบ “การรบจะต้องได้รับการจัดการด้วยความสามารถที่มีอยู่ และใช้วิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
.
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารปฏิเสธที่จะตอบคำถาม “ถ้าเขาบริหารกองทัพอิสราเอล จะเป็นอย่างไร หลังการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023” โดยกล่าวว่าจุดเริ่มต้นของเขาแตกต่างออกไปและเกิดจากวัฒนธรรมที่มีคุณธรรม มรดกทางจริยธรรมและศาสนา และภาษาของอาชญากรรมไม่ได้อยู่ในพจนานุกรมของเขา
.
เขาชี้ให้เห็นว่ากองทัพยึดครอง(อิสราเอล)ได้กระทำการโหดร้ายทั้งหมดในฉนวนกาซ่า เนื่องจาก “ซึนามิอัลอักซอ ” ได้สร้างความเสียหายให้กับแกนกลางของความเชื่อมั่นของหน่วยงานอิสราเอลที่มีต่อกองทัพ โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่อิสราเอลจะต้องตระหนักถึงความเป็นจริงและทางออก เป็นเรื่องการเมืองไม่ใช่การทหาร
.
เขากล่าวว่าไม่มีความคล้ายคลึงกันระหว่างสงครามปี 1967 กับวันที่ 7 ตุลาคม 2023 เพราะครั้งแรกเป็นสงครามปกติและแผนการทางทหารระหว่างกองทัพอาหรับและอิสราเอล ในขณะที่ “ซึนามิอัลอักซอ” ถือเป็นสงครามที่ไม่สมมาตรระหว่างชาติตะวันตก กองทัพที่ได้รับการสนับสนุนและ “กลุ่มต่อสู้ที่ถูกปิดล้อมมีเจตจำนงที่จะสู้รบไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
