Update : คณะรัฐประหารเมียนมาปฏิเสธข่าวลือมินอ่องหล่ายถูกรัฐประหารซ้อน หลังจีนประกาศเยือนเมียนมา-ไทย – White Channel

White Channel

Update : คณะรัฐประหารเมียนมาปฏิเสธข่าวลือมินอ่องหล่ายถูกรัฐประหารซ้อน หลังจีนประกาศเยือนเมียนมา-ไทย

หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีนประกาศเยือนเมียนมา-ไทยในวันที่ 14-17 สิงหาคม 2024 ได้เกิดกระแสข่าวลือว่ามินอ่องหล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า ถูกยึดอำนาจโดยนายพลคนใกล้ชิด แต่ขบวนการอารยะขัดขืนซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐประหารเมียนมาชี้ แม้มินอ่องหล่ายพ้นตำแหน่งก็ไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเพราะเครือข่ายทหารยังคงกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเหมือนเดิม
.
Civil Disobedience Movement หรือ CDM ขบวนการอารยะขัดขืนแห่งเมียนมา เผยแพร่ข้อมูลผ่านบัญชี X อ้างอิงแหล่งข่าวซึ่งเป็นอดีตนายทหารระดับสูงในเมียนมาช่วงค่ำวันที่ 13 สิงหาคม 2024 ระบุว่าพลเอกอาวุโสมินอ่องหล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐเมียนมา (SAC) ซึ่งก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนตั้งแต่ปี 2021 ถูกนายทหารระดับสูงควบคุมตัวและยังไม่ทราบชะตากรรม สะท้อนว่าอาจมีการเปลี่ยนตัวผู้นำรัฐบาลทหารพม่าเกิดขึ้น
.
แหล่งข่าวของ CDM ระบุว่าผู้ควบคุมตัวมินอ่องหล่าย คือ พลโทอ่องลินดวย (Aung Lin Dwe) ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ SAC และเป็นนายทหารระดับสูงคนใกล้ชิดของมินอ่องหล่าย เพราะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อรัฐประหารยึดอำนาจในปี 2021 จึงมีความเป็นไปได้มากที่เขาจะก่อรัฐประหารซ้อนขึ้นมาในช่วงนี้ เพราะกระแสความไม่พอใจมินอ่องหล่ายได้ก่อตัวขึ้นสักพักใหญ่ในกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลทหารพม่าและมีแนวคิดชาตินิยม เนื่องจากกองทัพพม่าภายใต้การนำของมินอ่องหล่าย ซึ่งดำรงตำแหน่งทั้งผู้บัญชาการทหาร นายกรัฐมนตรี รักษาการประธานาธิบดี พ่ายแพ้ศึกและสูญเสียฐานที่มั่นให้กองกำลังฝ่ายต่อต้านอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
.
CDM ระบุด้วยว่าการยึดอำนาจมินอ่องหล่ายไม่น่าจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเมียนมา เพราะมินอ่องหล่ายได้ปราบปรามกลุ่มต่อต้านและผู้สนับสนุนแนวคิดเรื่องการปฏิรูปและการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติไปจนหมดในช่วงเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา ผู้ที่ยังมีตำแหน่งต่างๆ ในรัฐบาลทหารพม่าจึงมีแต่กลุ่มสนับสนุนแนวคิดชาตินิยมสุดโต่งซึ่งไม่ต้องการเจรจาเรื่องแนวทางสันติวิธีเพื่ออยู่ร่วมกับอดีตรัฐบาลพลเรือนและประชาชนฝ่ายต่อต้านรัฐประหาร ต่อให้มีการเปลี่ยนตัวมินอ่องหล่ายเกิดขึ้นจริงก็เป็นได้แค่การเปลี่ยนตัวผู้นำเผด็จการทหาร แต่จะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตย
.
อย่างไรก็ดี ช่วงเช้าของวันที่ 14 สิงหาคม 2024 ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่ามินอ่องหล่ายถูกควบคุมตัวจริงหรือไม่ เพราะกระทรวงสารสนเทศเมียนมาซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของ SAC รายงานความเคลื่อนไหวล่าสุดของมินอ่องหล่ายในวันที่ 12 สิงหาคม โดยระบุว่าเขาได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดเทศกาลไข่มุกที่ศูนย์จัดแสดง Maniyadana Jade Hall ในกรุงเนย์ปิดอว์ รวมถึงปราศรัยเนื่องในวันเยาวชนเมียนมาว่ารัฐบาล SAC จะก่อตั้งมหาวิทยาลัยด้านอาชีวะศึกษาเพิ่มอีก 8 แห่งในปีการศึกษา 2024-2025 เพื่อส่งเสริมเยาวชนให้มีโอกาสศึกษาเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพิ่มขึ้น
.
ทั้งนี้ กระแสข่าวลือว่ามินอ่องหล่ายถูกยึดอำนาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่ หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน ประกาศว่าจะเดินทางเยือนเมียนมาและไทยอย่างเป็นทางการ ช่วงวันที่ 14-17 สิงหาคม 2024 โดยหวัง อี้ ถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของจีนที่เยือนเมียนมาหลังมินอ่องหล่ายรัฐประหาร เพราะก่อนหน้านี้มีเพียงตัวแทนทางการทูตระดับรองจากหวัง อี้ เท่านั้นที่พบกับมินอ่องหล่ายในเมียน อีกทั้งการประชุมนานาชาติด้านสันติภาพที่จีนเป็นเจ้าภาพช่วงเดือนกรกฎาคม 2024 ได้มีการเชิญเต็ง เส่ง อดีตประธานาธิบดีเมียนมา ไปร่วมการประชุมที่จีนแทนมินอ่องหล่าย ทำให้นักวิเคราะห์ประเมินว่าจีนไม่พอใจมินอ่องหล่ายและต้องการพูดคุยกับอดีตผู้นำเมียนมาอย่างเต็ง เส่ง ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักปฏิรูปมากกว่า
.
ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศของไทยประกาศผ่านเว็บไซต์ว่าจะมีการประชุมความร่วมมือ แม่โขง-ล้านช้าง ระหว่างตัวแทนรัฐบาลจีน-ไทย และกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 16 สิงหาคม 2024 โดยระบุว่าประเด็นหลักในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ การหารือการแกก้ปัญหามลพิษทางอากาศ PM2.5 และการป้องกันปราบปรามขบวนการข้ามชาติที่อาศัยพื้นที่แถบชายแดนลุ่มแม่น้ำโขงในการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ ค้ายาเสพติด และก่อคดีฉ้อโกงทางเครือข่ายโทรคมนาคมอื่นๆ แต่ไม่ได้ระบุถึงการเจรจาหาทางยุติความขัดแย้งในเมียนมาแต่อย่างใด
.
การเดินทางเยือนเมียนมาของหวัง อี้ ในครั้งนี้ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากมินอ่องหล่ายออกมาปราศรัยพาดพิงว่ารัฐบาล ‘ต่างชาติ’ เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านต่างๆ แก่กลุ่มติดอาวุธฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ซึ่งมินอ่องหล่ายไม่ได้ระบุว่าต่างชาตินั้นคือประเทศอะไร แต่มีการระบุเพิ่มเติมว่าอาวุธที่กลุ่มต่อต้านใช้นั้นถูกผลิตบริเวณชายแดนจีน ประกอบกับก่อนหน้านี้มินอ่องหล่ายก็เคยกล่าวว่ากลุ่มต่อต้านใช้โดรนจีนทิ้งระเบิดโจมตีกองทัพพม่า ทำให้ชาวพม่าที่สนับสนุนรัฐบาลทหารไปรวมตัวประท้วงหน้าสถานทูตจีนในนครย่างกุ้งมาแล้ว
.
นอกจากนี้ สำนักข่าว Irrawaddy สื่อเมียนมา เพิ่งรายงานเมื่อ 8 สิงหาคม 2024 ว่า เติ้ง สีจวิน ทูตพิเศษของจีนด้านเมียนมา ได้เดินทางเข้าพบมินอ่องหล่ายที่กรุงเนย์ปิดอว์ หลังจากกองทัพพม่าพ่ายศึกที่เมืองล่าเสี้ยวในรัฐฉานให้แก่กลุ่มติดอาวุธฝ่ายต่อต้านรัฐบาล และนักวิเคราะห์ประเมินว่าจีนกำลังเพิ่มแรงกดดันมินอ่องหล่ายให้เข้าสู่กระบวนการเจรจายุติความขัดแย้งกับกลุ่มต่อต้าน รวมถึงปล่อยตัวอดีตผู้นำรัฐบาลพลเรือนอย่างอองซาน ซูจี เพราะการสู้รบและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมียนมาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจชายแดนและความสงบในภูมิภาค ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อจีนเช่นกัน
.
ล่าสุดคณะรัฐประหารเมียนมาร์ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ว่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย หัวหน้าคณะรัฐประหารถูกขับออกจากตำแหน่งเนื่องจากการรัฐประหารภายในประเทศ
.
ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ “คณะกรรมการข้อมูลความจริง” ของรัฐบาลได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างชัดเจน ซึ่งข้อกล่าวหาดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่เป็นวงกว้างในโซเชียลมีเดียในช่วงสองวันที่ผ่านมา
.
“ข่าวลืออันเป็นเท็จเหล่านี้แพร่กระจายผ่านบัญชีโซเชียลมีเดียปลอมและสื่อที่ทำลายรัฐ (ในต่างแดน) เพื่อทำลายกฎหมายและความสงบเรียบร้อย” แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ
.
แม้จะมีการปฏิเสธ แต่ก็ปรากฏว่าบัญชีโซเชียลมีเดียจำนวนหนึ่งที่สนับสนุนรัฐบาลได้นำข่าวลือนี้ไปพิจารณาอย่างจริงจัง โดยบางบัญชีแนะว่า พล.อ. มิน ออง หล่าย ได้ลาออกจากตำแหน่งโดยสมัครใจเนื่องจากปัญหาสุขภาพ แทนที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่งจากการรัฐประหาร
.
ในปัจจุบัน กองทัพของเมียนมาร์ถูกมองว่าอยู่ในตำแหน่งที่อ่อนแอที่สุดในรอบหลายทศวรรษ หลังจากประสบความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญหลายครั้งจากน้ำมือของกลุ่มพันธมิตรติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ก่อตั้งขึ้น และหลังการรัฐประหาร
.
ที่มา : Transborder News ,Myanmar-now.org

error: ขอบคุณที่ติดตามครับ