“หวัง อี้”ชี้สงครามในตะวันออกกลางเปิดโปงความหน้าไหว้หลังหลอกของสหรัฐฯ ในเรื่องสิทธิมนุษยชน หากวอชิงตัน “ใส่ใจ” สิทธิมนุษยชนมากขนาดนั้น เหตุใดจึงยั่วยุหรือสนับสนุนสงครามในตะวันออกกลาง หวัง อี้ บอกกับเลขาธิการสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ
.
สงครามในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเผยให้เห็นมาตรฐานสองประการของสหรัฐฯ ในเรื่องสิทธิมนุษยชน ตามที่รัฐมนตรีต่างประเทศจีนกล่าว
.
หวังถามโวลเกอร์ เติร์ก เลขาธิการสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนในระหว่างการประชุมที่นิวยอร์กเมื่อวันพุธ ระหว่างสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติประจำสัปดาห์นี้ว่า “หากสหรัฐฯ ใส่ใจสิทธิมนุษยชนของชาวมุสลิมมากขนาดนั้น เหตุใดจึงยังคงยั่วยุหรือสนับสนุนสงครามในตะวันออกกลางและภูมิภาคอื่นๆ จนทำให้ชาวมุสลิมผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก”
.
“เหตุใดจึงเพิกเฉยต่อความอยุติธรรมทางประวัติศาสตร์ที่ชาวอาหรับต้องเผชิญและไม่สนับสนุนให้ปาเลสไตน์เข้าเป็นสมาชิกเต็มตัวของสหประชาชาติ” เขาถามตามแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศจีน
.
เขายังตั้งคำถามว่าเหตุใดวอชิงตัน “จึงไม่ทำหน้าที่ของตนในการบรรลุการหยุดยิงถาวรและถอนทหารออกจากฉนวนกาซ่าโดยสมบูรณ์”
.
หวางโต้แย้งว่า “การจัดการทางการเมือง” ต่อปัญหาสิทธิมนุษยชนโดยประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา “กำลังกลายเป็นสิ่งที่ไม่เป็นที่นิยมมากขึ้นทั่วโลก”
.
ในมณฑลซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน หวังอ้างว่าปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชาวอุยกูร์ในภูมิภาคนี้ถูกใช้ “เพื่อโจมตีและใส่ร้ายสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของจีน”
“ประเทศมุสลิมส่วนใหญ่มองเห็นกลอุบายของสหรัฐฯ มานานแล้ว และเข้าใจว่าสหรัฐฯ เพียงใช้สิทธิมนุษยชนเป็นข้ออ้างในการแทรกแซงกิจการภายในของจีนและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ” หวังกล่าว
.
จีนเผชิญการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์ แต่ปักกิ่งก็ยังคงตอบโต้มาโดยตลอด โดยเรียกว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีน
.
หวังกล่าวกับหัวหน้าสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติว่า “ความสำเร็จของปักกิ่งในการปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และการพัฒนาและความก้าวหน้าในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อทุกคน”
.
เขากล่าวเสริมอีกว่าจีน “ยินดีที่จะมีส่วนร่วมในการเจรจากับทุกประเทศในประเด็นสิทธิมนุษยชนบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน”
.
“ประตูของจีนเปิดกว้างสู่โลก และยินดีต้อนรับมิตรสหายจากทุกประเทศให้มาเยี่ยมชมจีนและสัมผัสด้วยตัวเอง” เขากล่าวเสริม