จากการศึกษาวิจัยพบว่าฐานทัพอากาศของอิสราเอล “อยู่เบื้องหลัง” สัญญาณรบกวนที่ทำให้เกิดการหยุดชะงักของการจราจรทางอากาศของพลเรือนในตะวันออกกลาง
ท็อดด์ ฮัมฟรีส์ และ แซค เคลเมนต์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ถูกอ้างคำพูดของนิวยอร์กไทมส์ว่า พวกเขา “มั่นใจมาก” ว่าการรบกวนสัญญาณนั้นมาจากสนามบิน Ein Shemer ของอิสราเอล
แนวทางปฏิบัตินี้เรียกว่า “การปลอมแปลงสัญญาณ” โดยจะจัดการข้อมูลเพื่อทำให้เครื่องรับ GPS ของเครื่องบินคิดว่าเครื่องบินอยู่ในตำแหน่งอื่น
นักบินที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีดังกล่าวเชื่อผิด ๆ ว่าตนกำลังบินอยู่เหนือสนามบินในเบรุตและไคโร ตามรายงานของนักวิจัยจาก SkAI Data Services และมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์ซูริก
“การปลอมแปลงและการรบกวน GPS เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้เขตสงครามในยูเครนและกาซา ซึ่งกองทัพแทรกแซงสัญญาณนำทางเพื่อขัดขวางการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรน” การศึกษากล่าว
มีเที่ยวบินมากกว่า 50,000 เที่ยวบินในภูมิภาคที่ถูกปลอมแปลงสัญญาณในปี 2024 ตามผลการศึกษาแยกจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส
การโจมตีด้วยวิธีการปลอมแปลงเกิดขึ้นในขณะที่อิสราเอลยังคงดำเนินสงครามในฉนวนกาซ่าและยิงตอบโต้กับกลุ่ม ฮิซบุลลอฮฺในเลบานอน เชื่อกันว่าอิสราเอลใช้ระบบรบกวน GPS เพื่อป้องกันการโจมตีด้วยจรวดและโดรนจากกลุ่มกึ่งทหารของเลบานอน
รายงานยังระบุว่าการปลอมแปลงข้อมูลยังส่งผลกระทบต่อผู้ขับขี่ในอิสราเอลด้วย เนื่องจากแอปแผนที่ GPS ของพวกเขาแสดงข้อมูลไม่ถูกต้องว่าพวกเขากำลังขับรถอยู่ในประเทศอื่น
เที่ยวบินที่บินผ่านภูมิภาคบอลติกก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน โดยเอสโตเนียและประเทศอื่นๆ กล่าวหาว่ารัสเซียเป็นผู้ก่อเหตุโจมตี เชื่อกันว่ารัสเซียใช้การรบกวน GPS ขณะทำสงครามกับยูเครน
กองทัพอิสราเอลปฏิเสธที่การขอความคิดเห็นจากนิวยอร์กไทม์