.
“น่าเสียดายที่สนามรบกำลังขยายตัวออกไปแล้ว แนวรบเลบานอนถูกเพิ่มเข้ามาด้วย ทั้งหมดนี้ย่อมนำไปสู่การทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน” โฆษกเครมลินกล่าว
.
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลิน ออกมาเตือนเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลางอาจส่งผลร้ายแรงต่อทั้งภูมิภาค
.
ในระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงมอสโก เขาได้เน้นย้ำถึงผลกระทบร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับพลเรือน โดยกล่าวว่ามี “ประชาชนจำนวนนับหมื่นและหลายแสนคน” กำลังได้รับความเดือดร้อนอันเป็นผลจากความรุนแรงที่ยังคงดำเนินอยู่
.
“น่าเสียดายที่สนามรบกำลังขยายตัวออกไปแล้ว แนวรบเลบานอนถูกเพิ่มเข้ามาด้วย ทั้งหมดนี้ย่อมนำไปสู่การทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน ผู้คนนับหมื่นนับแสนกำลังสูญเสียบ้านเรือน แหล่งทำกิน และงาน” เขากล่าวโดยอ้างถึงการโจมตีเลบานอนและฉนวนกาซ่าอย่างไม่ลดละของอิสราเอล
.
เกี่ยวกับการตอบสนองที่เป็นไปได้ของมอสโกต่อการทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับฐานทัพอากาศฮไมมิม ที่ดำเนินการโดยรัสเซียในซีเรีย เปสคอฟปฏิเสธที่จะคาดเดาโดยกล่าวว่า
“ไม่น่าเป็นไปได้ที่เหตุผลสุดท้ายใดๆ ที่เหมาะสมในกรณีนี้”
.
อิสราเอลได้โจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ทั่วเลบานอนเพื่อต่อต้านกลุ่มที่อ้างว่าเป็นกลุ่มฮิซบุลลอฮฺตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,323 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 3,700 ราย และทำให้ผู้คนต้องไร้ที่อยู่อาศัยมากกว่า 1.2 ล้านคน
การโจมตีทางอากาศดังกล่าวถือเป็นการยกระดับสงครามข้ามพรมแดนระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบุลลอฮฺที่ดำเนินมาตลอดทั้งปีนับตั้งแต่เริ่มเปิดฉากโจมตีอันโหดร้ายของเทลอาวีฟในฉนวนกาซ่า ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 42,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก นับตั้งแต่การโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อปีที่แล้ว
.
แม้จะมีคำเตือนจากนานาชาติว่าภูมิภาคตะวันออกกลางกำลังเผชิญกับสงครามระดับภูมิภาคท่ามกลางการโจมตีอย่างต่อเนื่องของอิสราเอลในฉนวนกาซาและเลบานอน แต่เทลอาวีฟกลับขยายความขัดแย้งโดยเปิดฉากการรุกรานทางภาคพื้นดินในเลบานอนตอนใต้ในวันที่ 1 ตุลาคม