กองกำลังอิสราเอลสังหารชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 12 คน รวมถึงเด็ก 2 คน ในการโจมตีอาคารโรงเรียนแห่งหนึ่งในกาซ่าซิตี้เมื่อวันอังคาร ตามการระบุของหน่วยงานป้องกันพลเรือนของฉนวนกาซ่า
.
เครื่องบินอิสราเอลทิ้งระเบิดใส่โรงเรียนมุสตอฟา ฮาฟิซ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้พลัดถิ่นหลายจำนวนมาก โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยชาวปาเลสไตน์ต้องค้นหาศพในซากปรักหักพังของอาคารที่ถล่ม
.
“ทันทีที่ได้ยินเสียงระเบิด เราก็วิ่งหนีเอาชีวิตรอด” เด็กหญิงคนหนึ่งเล่าให้อัลญะซีเราะฮฺฟังว่า“น้องสาวของฉันร้องไห้ไม่หยุด เราไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ฉันเห็นศพถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย”
.
ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีนายฮัมซะฮฺ มุรตะญา นักข่าวซึ่งกำลังเตรียมการรายงานเกี่ยวกับชาวปาเลสไตน์ที่ต้องอพยพ ตามรายงานของอัลญะซีเราฮฺ นายฮัมซะฮฺ มุรตะญา เป็นพี่ชายของนายยัสซิร มุรตะญานักข่าวที่ถูกกองกำลังอิสราเอลสังหารในปี 2018 ขณะรายงานการประท้วงการก่อสร้างที่แบ่งแยกอิสราเอลและฉนวนกาซ่า
.
อิสราเอลโจมตีโรงเรียนหลายครั้งตั้งแต่เริ่มเปิดฉากโจมตีในฉนวนกาซ่าเมื่อเดือนตุลาคม โดยเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม กองกำลังอิสราเอลได้สังหารผู้คนไปประมาณ 100 รายที่ศูนย์พักพิงของโรงเรียนอีกแห่งในเมืองกาซ่า ตามรายงานของทางการท้องถิ่น แม้ว่าอิสราเอลจะระบุว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขที่เกินจริงก็ตาม กองกำลังอิสราเอลสังหารชาวปาเลสไตน์ไปแล้วมากกว่า 40,170 รายตั้งแต่เดือนตุลาคม ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขของฉนวนกาซ่า
.
กองทัพอิสราเอลใช้เหตุผลเดิมๆที่กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เมื่อวันอังคารว่า เหตุระเบิดโรงเรียนมุสตอฟา ฮาฟิซเป็น “การโจมตีผู้ก่อการร้ายที่ปฏิบัติการอยู่ภายใน” โรงเรียน ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ใช้ในเหตุโจมตีประเภทอื่นด้วย
.
ด้านกลุ่มฮะมาสปฏิเสธข้อกล่าวหาของอิสราเอลอย่างต่อเนื่องว่าใช้โรงเรียนและโรงพยาบาลเพื่อจุดประสงค์ทางทหาร ฮะมาสและกลุ่มติดอาวุธพันธมิตรสังหารชาวอิสราเอลมากกว่า 1,100 รายเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และจับตัวประกันไปประมาณ 250 ราย ซึ่งหลายคนเสียชีวิตระหว่างถูกกักขัง รวมถึงศพ 6 ศพที่กองกำลังอิสราเอลยึดได้เมื่อวันอังคาร
.
โรงเรียนมุสตอฟา ฮาฟิซ ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของกาซ่าซิตี้ ถูกใช้เป็น “ทางเลือกสุดท้าย” สำหรับครอบครัวชาวปาเลสไตน์หลายร้อยครอบครัว ตาม รายงานของอัลญะซีเราะฮฺ หญิงชาวปาเลสไตน์ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ยืนอยู่หน้าโรงเรียนที่ถูกทำลายบอกกับ Quds News Network ซึ่งเป็นสำนักข่าวของปาเลสไตน์ว่า ครอบครัวของเธอเคยหลบหนีจากรถถังของอิสราเอลมาก่อน และพบว่าไม่สามารถนอนหลับได้ในตอนกลางคืน แม้กระทั่งก่อนเกิดเหตุระเบิดเมื่อวันอังคาร
.
การโจมตีโรงเรียนมุสตอฟา ฮาฟิซเกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีอย่างต่อเนื่องของอิสราเอลในฉนวนกาซ่าเมื่อวันอาทิตย์ กองกำลังอิสราเอลได้สังหารครูวัย 36 ปีและลูกๆ ทั้ง 6 คนของเธอที่อพาร์ตเมนต์ของพวกเขาในเมืองดีร อัลบะละฮฺ เมื่อวันจันทร์ กองกำลังอิสราเอลได้โจมตีค่ายผู้ลี้ภัยชาตีในกาซ่าซิตี้ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของสหประชาชาติ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ราย และเสียชีวิตอย่างน้อย 35 รายทั่วทั้งฉนวนกาซ่าในวันนั้น
.
นักการทูตสหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระหว่างประเทศเพื่อจัดการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮะมาส แต่ทั้งสองฝ่ายคัดค้านข้อตกลงที่เสนอ และในสัปดาห์นี้แสดงท่าทีไม่มั่นใจว่าข้อตกลงดังกล่าวจะสามารถบรรลุได้ ฮะมาสกล่าวว่าพวกเขาตกลงในหลักการกับข้อตกลงที่รัฐบาลไบเดนเสนอเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมและได้รับการอนุมัติจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ขณะนี้สหรัฐฯ กำลังเสนอข้อตกลงที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขใหม่ที่ไม่ยืดหยุ่นสำหรับอิสราเอล เจ้าหน้าที่ฮะมาสกล่าวว่าสหรัฐฯ “แค่ซื้อเวลาให้อิสราเอลดำเนินการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อไป” อัลญะซีเราะฮฺรายงานเมื่อวันอังคาร
.
สหรัฐฯ เป็นผู้ให้การสนับสุนด้านการทหารและพันธมิตรทางการทูตหลักของอิสราเอล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลของไบเดนได้อนุมัติเงินช่วยเหลือด้านการทหารเพิ่มเติมอีก 2 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับประเทศ
.
การสนับสนุนดังกล่าวรวมถึงเชื้อเพลิงเครื่องบิน น้ำมันดีเซล และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ ซึ่งเป็นประเด็นในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารโดย Oil Change International ซึ่งเป็นกลุ่มรณรงค์ รายงานดังกล่าวโต้แย้งว่ารัฐบาลสหรัฐฯ และบริษัทข้ามชาติอาจมีส่วนรู้เห็นในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เนื่องจากพวกเขามีบทบาทในการจัดหาเชื้อเพลิงให้แก่อิสราเอลเพื่อใช้ในสงคราม โดยพิจารณาจากคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเมื่อเดือนมกราคมที่สั่งให้อิสราเอลป้องกันการกระทำฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซ่า
.
รายงานระบุว่าสหรัฐฯ เป็นผู้จัดหาเชื้อเพลิงเจ็ท JP8 ที่สำคัญให้กับอิสราเอล เรือบรรทุกน้ำมันที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ซึ่งขนส่งเชื้อเพลิงดังกล่าวตกเป็นเป้าหมายการตรวจสอบในยุโรปเมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากมีการกดดันให้ป้องกันไม่ให้เรือลำดังกล่าวเข้าเทียบท่า
.
บริษัทข้ามชาติชื่อดัง 6 แห่ง ได้แก่ Chevron, BP, ExxonMobil , Shell, Eni และ TotalEnergies เป็นผู้จัดหาน้ำมันให้กับอิสราเอลประมาณ 35% ตามที่รายงานระบุ