.
การสืบสวนครั้งใหม่ได้เปิดเผยว่าระบอบการปกครองซีเรียภายใต้ประธานาธิบดีบัชชาร อัลอะซัด กักขังเด็กๆ ไว้จนอายุถึง 18 ปี จากนั้นจึงประหารชีวิตพวกเขา
.
จากรายงานการสืบสวนของหน่วยข่าวสืบสวนสอบสวนซีเรีย (SIRAJ) ระบุว่าตั้งแต่เกิดการประท้วงและมติซีเรียในปี 2554 ทางการซีเรียได้จับกุมและคุมขังเยาวชนโดยไม่มีการพิจารณาคดี จนกระทั่งพวกเขาบรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย คือ อายุ 18 ปี จากนั้นจึงส่งตัวพวกเขาไปยังศาลทหารเพื่อตัดสินโทษประหารชีวิต
.
รายงานระบุว่าทีมนักข่าวสายสืบสวนและนักวิจัยได้ใช้ข้อมูลวงใน การสัมภาษณ์พิเศษกับครอบครัวของเหยื่อ รวมถึงแหล่งข้อมูลเปิด เช่น โพสต์และกลุ่มบนโซเชียลมีเดีย เพื่อรวบรวมรายชื่อเด็กชาวซีเรีย 25 คนที่สูญหายไปเมื่อยังเป็นผู้เยาว์ ต่อมาถูกส่งไปยังศาลทหาร และถูกตัดสินประหารชีวิต
.
จากแหล่งข่าวดังกล่าว ทีมสอบสวนได้ยืนยันว่าเด็กทั้งหมดในรายชื่อดังกล่าวถูกกองกำลังของรัฐบาลซีเรียและหน่วยงานความมั่นคงบังคับให้สูญหายไป นอกจากนี้ เด็กเหล่านี้ยังถูกยึดทรัพย์สินที่เคลื่อนย้ายได้และเคลื่อนย้ายไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้เยาว์ในขณะที่ถูกจับกุมก็ตาม
.
ทีมวิจัยยังสามารถยืนยันการเสียชีวิตของผู้ต้องขัง 24 รายจากทั้งหมด 25 ราย หลังจากที่ศาลทหารตัดสินประหารชีวิตพวกเขา นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังพบว่ารัฐบาลซีเรียใช้มาตรการที่ผิดกฎหมายในการตัดสินประหารชีวิตผู้ต้องขังเด็ก โดยอิงตาม “กฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย” ของปี 2012
.
รายชื่อดังกล่าวเป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของจำนวนเด็กที่ถูกลักพาตัว กักขัง และประหารชีวิตโดยระบอบการปกครองเมื่อพวกเขาบรรลุนิติภาวะ แหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อรายหนึ่งซึ่งทราบเรื่องนี้ – และเคยรับราชการทหารเป็นเวลา 3 ปีในกองตำรวจทหารที่รับผิดชอบการขนย้ายผู้ถูกคุมขัง เอกสาร และจดหมายของผู้ถูกคุมขัง – เปิดเผยกับคณะสอบสวนว่าเขาได้พบเห็นคดีผู้ถูกคุมขังที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกตัดสินประหารชีวิตมากกว่า 6,000 คดี จากแหล่งข่าวดังกล่าว แม้แต่จำนวนดังกล่าวก็ยังเป็นการประมาณค่าต่ำกว่าความเป็นจริงเมื่อเทียบกับจำนวนทั้งหมด เนื่องจากเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เดียวกันน่าจะดูแลผู้ถูกคุมขังประเภทนี้มากกว่า
“การส่งตัวผู้ต้องขังไปยังศาลทหารนั้นสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าไม่มีหลักนิติธรรมในซีเรีย” ทนายความ Muhannad Sharabati ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายที่หน่วยสนับสนุนขององค์กรพัฒนาเอกชน Syrian Legal Development Program (SLDP) กล่าว “อำนาจบริหารซึ่งมีหัวหน้ารัฐบาลเป็นตัวแทนมีอำนาจเหนือฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการทั้งหมด ส่งผลให้มีการบังคับใช้กฎหมายและศาลที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น ศาลทหาร”