กลุ่มสิทธิมนุษยชน CAGE เตือนว่า สหรัฐฯ กำลังละเมิดหลักการไม่ส่งกลับผู้ลี้ภัย ด้วยการส่งตัวนัชวาน อัล-ตามิร วัย 64 ปี นักโทษสองสัญชาติอัฟกัน-อิรักจากกวนตานาโมของคิวบา ไปยังเรือนจำในอิรัก ทนายความของเขาได้ยื่นคำร้องเพื่อคัดค้านการส่งตัว โดยอัล-ตามิรเป็นนักโทษที่อายุมากที่สุด และพิการรุนแรงที่สุดในกวนตานาโมเบย์ เขาถูกจับในตุรกีปี 2006 ระหว่างเดินทางไปรักษาโรคกระดูกสันหลังและถูกแยกจากครอบครัว จากนั้นถูกส่งต่อให้ CIA ซึ่งทรมานเขาในสถานที่ลับก่อนส่งตัวไปกวนตานาโมในปี 2007
ในปี 2022 หลังถูกคุมขังมาหลายปี อัล-ตามิรได้รับสารภาพต่อคณะกรรมการทหารกวนตานาโม หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ศาลเถื่อน’ อันหมายถึงศาลที่ไม่ดำเนินการพิจารณาคดี โดยคำนึงถึงหลักกฎหมายหรือหลักความยุติธรรม ส่วนใหญ่จะเป็นการตั้งขึ้นมาทำงานเฉพาะกิจ ในข้อหาเป็นผู้บัญชาการภาคสนามต่อสู้กับกองกำลังสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน
ต่อมาต้นปี 2025 มีรายงานว่าสหรัฐฯ ได้วางแผนลับที่จะส่งตัวเขาไปยังเรือนจำอิรัก ซึ่งเป็นการละเมิดทั้งข้อตกลงการรับสารภาพและหลักการไม่ส่งกลับผู้ลี้ภัย ที่เป็นหลักการสำคัญและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ทำให้การตัดสินใจครั้งนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากองค์กรสิทธิมนุษยชน
มูอัซซัม เบ็กก์ ผู้อำนวยการอาวุโสระหว่างประเทศของ CAGE และอดีตนักโทษเรือนจำอ่าวกวนตานาโม แสดงความเห็นว่าการส่งตัวอัล-ตามิรไปอิรักเป็นเรื่องที่เกินเหตุผล หลังจากที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานในกวนตานาโมมาแล้วสองทศวรรษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าอิรักมีค่ายกักกัน ที่มีชื่อเสียงในแง่ลบที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ อย่างเช่นอาบูฆออิ๊บ ที่มีประวัติการทารุณกรรม การทำให้อับอาย เบ็กก์เรียกร้องให้มีการทบทวนการตัดสินใจครั้งนี้ เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้น