สหประชาชาติ (UN) ได้ให้การสนับสนุน แผนการส่งผู้ลี้ภัยชาวซีเรียจำนวน 30,000 คน จากเลบานอนกลับไปยังซีเรีย โดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) กำลังดำเนินการ ตามแผนส่งผู้ลี้ภัยกลับโดยสมัครใจ ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ แม้ว่าผู้ลี้ภัยเหล่านี้จะเผชิญความเสี่ยง ถูกจับกุมและทรมานจากรัฐบาลของบัรชัร อัลอะซัด
การดำเนินการดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติและรัฐบาลเลบานอน พยายามผลักดันให้ส่งผู้ลี้ภัยชาวซีเรียกลับประเทศ ซึ่งเลบานอนได้รับแรงกดดันอย่างมาก จากปัญหาเศรษฐกิจและการขาดแคลนทรัพยากร ทำให้รัฐบาลพยายามลดจำนวนผู้ลี้ภัยในประเทศ ขณะเดียวกันก็ได้เรียกร้องให้องค์กรนานาชาติ ให้ความร่วมมือในการสนับสนุนกระบวนการส่งกลับ
การส่งผู้ลี้ภัยกลับนี้ถูกมองว่าเป็น “การเปลี่ยนแปลงเชิงบวก” จากการที่รัฐบาลซีเรียเริ่มให้ความร่วมมือมากขึ้นเกี่ยวกับการส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับไปยังประเทศ ท่ามกลางคำเตือนจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่ม จากความเสี่ยงที่ผู้ลี้ภัยจะต้องเผชิญเมื่อกลับไปยังซีเรีย เนื่องจากรัฐบาลบัรชัรยังคงจับกุม กักขัง ทรมาน และบางครั้งถึงขั้นฆ่าผู้ที่กลับประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่ถูกมองว่ามีแนวโน้มที่จะต่อต้านรัฐบาล หรือเคยมีความเกี่ยวข้องกับผู้ที่เคยทำเช่นนั้น
