สำนักงานสื่อรัฐบาลกาซาเปิดเผยว่า อิสราเอลทิ้งระเบิดหนัก 100,000 ตันลงบนฉนวนกาซา นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการเมื่อ 19 เดือนที่แล้ว ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตหรือสูญหายกว่า 62,000 ราย รวมถึงผู้ที่ยังติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังมากกว่า 10,000 คน อิสราเอลก่อเหตุสังหารหมู่มากกว่า 12,000 ครั้ง โดย 11,926 ครั้งเป็นการโจมตีสมาชิกในครัวเรือนชาวปาเลสไตน์ ทำให้ 2,200 ครอบครัวและ 6,350 รายถูกลบออกจากทะเบียนราษฎร์ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการขโมยศพ 2,300 ศพจากหลุมฝังศพในกาซา และสร้างหลุมฝังศพรวม 7 แห่งในโรงพยาบาล
ขณะที่วิกฤตสุขภาพในกาซาทวีความรุนแรง โดยมีผู้ป่วยโรคติดต่อมากกว่า 2.1 ล้านราย อันเป็นผลจากการบังคับให้พลัดถิ่น และการล่มสลายของระบบสาธารณสุข รวมถึงผู้ป่วยโรคตับอักเสบ 71,338 ราย การทำลายล้างยังขยายไปถึงโครงสร้างพื้นฐานทางศาสนาและมนุษยธรรม โดยมัสยิด 828 แห่งถูกทำลายสิ้นเชิงและอีก 167 แห่งถูกทำลายบางส่วน มีการโจมตีโบสถ์ 3 แห่ง และทำลายสุสาน 19 แห่งจากทั้งหมด 60 แห่ง อิสราเอลโจมตีสถานที่บรรเทาทุกข์ 66 แห่ง และปิดกั้นรถบรรทุกความช่วยเหลือและเชื้อเพลิง 37,400 คัน
กองทัพอิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีกาซาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 52,800 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023 สถานการณ์นี้ถูกรัฐบาลกาซาระบุว่าเป็นการล้างเผ่าพันธุ์ โดยการปิดด่านชายแดนทั้งหมดเมื่อกว่าสองเดือนที่ผ่านมา ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ประชากรกาซาต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร น้ำ เวชภัณฑ์ และสิ่งจำเป็นพื้นฐานอื่นๆ อย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดวิกฤตมนุษยธรรมที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยใหม่