สถานการณ์ในเวสต์แบงก์ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมารุนแรงมากขึ้น โดยกองทัพอิสราเอลได้ทำการจู่โจมพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เยาวชนปาเลสไตน์มากกว่า 150 ราย ที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปีถูกสังหารตั้งแต่เริ่มสงครามกับฮะมาสในฉนวนกาซา การจู่โจมดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากองค์การนิรโทษกรรมสากล ว่าเป็นการใช้กำลังเกินความจำเป็นในการปฏิบัติการทางทหาร และชี้ให้เห็นถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน
หนึ่งในเหตุการณ์ที่สะเทือนใจคือกรณีของมะห์มูด ฮามัดเนห์ อายุ 15 ปี ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตขณะที่กำลังกลับบ้านจากโรงเรียน พ่อของเขาเผยว่าลูกชายของเขาไม่มีอาวุธ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางทหาร เพียงแค่ถือหนังสือและกล่องดินสอเท่านั้น และแม้ว่าจะมีคำกล่าวหาว่าบางเยาวชนที่ถูกสังหารเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ แต่หลายรายถูกยิงโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน
กองทัพอิสราเอลอ้างว่าการจู่โจมดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อปราบปรามกลุ่มติดอาวุธที่แฝงตัวอยู่ในหมู่ประชาชน โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมก่อการร้าย หรือมีอาวุธในขณะเกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนอย่างเบ็ธเซเลม( B’Tselem) ได้ออกมาโต้แย้งว่าการใช้กำลังเหล่านี้ไม่จำเป็นและเกินขอบเขต โดยระบุว่าหลายกรณีเยาวชนที่ถูกสังหารไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง