สำนักข่าว WAFA ระบุว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารในกาซา ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการโจมตีของอิสราเอล มีเสาโทรคมนาคมและระบบไฟเบอร์ออปติกกว่า 75% ถูกทำลาย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเข้าถึงบริการฉุกเฉิน การติดต่อญาติ และการเข้าถึงข้อมูลที่เชื่อถือได้ ประชาชนต้องเผชิญกับการขาดการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง มีการตัดการบริการถึง 15 ครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา
บริษัทโทรคมนาคมในท้องถิ่น ต้องใช้เครื่องปั่นไฟเพื่อให้บริการดำเนินต่อไป แต่ก็ประสบปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิงและพลังงาน ทำให้การซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานเป็นไปอย่างยากลำบาก นอกจากนี้ คลื่นของการพลัดถิ่นที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่กาซา ยังสร้างแรงกดดันต่อศูนย์พักพิงและระบบการสื่อสารที่ยังเหลืออยู่ ประชาชนบางส่วนต้องหันไปใช้ e-SIM จากบริษัทต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม เช่น Starlink แม้ว่าจะมีข้อจำกัดในเรื่องต้นทุนสูงและความครอบคลุมทางภูมิศาสตร์
รายงานยังเรียกร้องให้ชุมชนระหว่างประเทศ เข้ามาแทรกแซงเพื่อหยุดยั้งสงครามและสนับสนุนการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารในกาซา โดยเสนอแนวทางสองแบบในการฟื้นฟู คือการตอบสนองฉุกเฉินเพื่อฟื้นฟูการสื่อสารในระยะสั้น และการลงทุนระยะยาวในเทคโนโลยี 4G และ 5G เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน นอกจากนี้ยังย้ำว่า “การสื่อสารเป็นสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน” และขอให้ส่งเชื้อเพลิงและอุปกรณ์ที่จำเป็นเข้าไปในกาซา เพื่อฟื้นฟูบริการได้อย่างเต็มรูปแบบ
