สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ ( OCHA ) ระบุว่าระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 29 พฤศจิกายน 2024 กองกำลังยึดครองอิสราเอลได้ทำลายสิ่งปลูกสร้างของชาวปาเลสไตน์มากกว่า 1,500 แห่งในเวสต์แบงก์ มีการทำลายบ้านที่มีผู้อยู่อาศัย 700 หลัง บ้านร้าง 118 หลัง และสิ่งปลูกสร้างทางการเกษตร 398 แห่ง ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์กว่า 3,600 คนต้องพลัดถิ่น และกระทบต่อผู้คนเกือบ 164,000 คน
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือค่ายผู้ลี้ภัยตุ้ลคาร์มในเวสต์แบงก์ตอนเหนือ ซึ่งมีสิ่งปลูกสร้างถูกทำลาย 171 แห่ง รัฐบาลอิสราเอลอ้างว่าสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีใบอนุญาต แต่ความจริงแล้วการขอใบอนุญาตเป็นไปไม่ได้เลย สำหรับชาวปาเลสไตน์ภายใต้นโยบายที่เข้มงวดของผู้ยึดครอง การทำลายล้างได้ทวีความรุนแรงขึ้นล่าสุดในเวสต์แบงก์และเยรูซาเลม โดยมีเจตนาเพื่อขับไล่ชาวปาเลสไตน์และขยายการตั้งถิ่นฐานที่ผิดกฎหมายสำหรับชาวยิว ท่ามกลางสงครามที่ดำเนินอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์
แม้จะขัดกับความเห็นของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ที่ได้ประกาศว่าการยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ของอิสราเอล ที่ดำเนินมาหลายทศวรรษนั้นผิดกฎหมาย พร้อมเรียกร้องให้อพยพการตั้งถิ่นฐานทั้งหมดออกจากเวสต์แบงก์และเยรูซาเลมตะวันออก ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการดำเนินการของอิสราเอลเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่มุ่งเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางประชากรในพื้นที่ ส่งผลให้วิกฤตมนุษยธรรมในพื้นที่ทวีความรุนแรงขึ้น