การต่อต้านของปชช.สร้างแรงกดดันต่อผู้นำอิหร่าน ต้องยอมเบาลง – White Channel

White Channel

การต่อต้านของปชช.สร้างแรงกดดันต่อผู้นำอิหร่าน ต้องยอมเบาลง

WORLD : “การต่อต้านของปชช.สร้างแรงกดดันต่อผู้นำอิหร่าน ต้องยอมเบาลง แต่แม้ว่าจะยุบตร.ศีลธรรม ก็คงมีหน่วยอื่นทำหน้าที่แทน ในตรวจตราการแต่งกายของสตรีอิหร่าน เช่น หน่วยอาสา” ผศ.ดร.มาโนชญ์ อารีย์
.
แม้อัยการสูงสุดของอิหร่านจะเปิดเผยว่า ตำรวจศีลธรรม นั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม แต่ในความคิดเห็นของชาวอิหร่านก็ยังไม่ไว้วางใจต่อการขยับตัวของทางการอิหร่านครั้งนี้ เพราะการยกเลิกหน่วยตำรวจศีลธรรมอาจเป็นการสับขาหลอกก็ได้
.
ด้วยเหตุผลที่มีการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุของตำรวจศีลธรรม ที่ได้จุดชนวนการประท้วงในหลายพื้นที่ของอิหร่านตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้หลายพื้นที่ของอิหร่านเผชิญความไม่สงบจากการประท้วงต่อต้านกฎหมายบังคับสวมผ้าคลุมศีรษะอย่างเข้มงวด นับตั้งแต่ มาห์ซา อามินี หญิงชาวเคิร์ด วัย 22 ปี เสียชีวิตหลังจากถูกตำรวจศีลธรรมจับกุมในข้อหาแต่งกายไม่เหมาะสม
.
กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรกิจกรรมทางเศรษฐกิจและร่วมกันหยุดงานเป็นเวลา 3 วันเพื่อกดดันต่อรัฐบาล
.
การเสียชีวิตของ มาห์ซา อามินี เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายหันมาทบทวนการทำหน้าที่ของตำรวจศีลธรรมมากขึ้น
.
โดยที่ตำรวจศีลธรรมก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.2005 สมัย ปธน.มาห์มูด อามาดีเนจาด ผู้นำสายอนุรักษ์นิยมภารกิจของตำรวจศีลธรรมในอิหร่านคือ การตรวจสอบการแต่งกายและการสวมผ้าคลุมศีรษะอย่างถูกต้องเหมาะสม พวกเขามีอำนาจตักเตือนหรือจับผู้กระทำผิดส่งไปยังศูนย์ให้คำแนะนำเพื่ออบรมการแต่งกายตามหลักศาสนา
.
แต่อำนาจของตำรวจศีลธรรมในอิหร่าน จะปรับเปลี่ยนไปตามแนวทางการดำเนินนโยบายของ ปธน.อิหร่านแต่ละคน
.
การยุบหน่วยงานตำรวจศีลธรรมนั้นยังไม่มีความชัดเจน หลังจากเจ้าหน้าที่ทางการอิหร่านให้ข้อมูลสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง โมฮัมหมัด มอนตาเซรี อัยการสูงสุดอิหร่าน ระบุว่าหน่วยตำรวจศีลธรรมถูกยุบเพราะไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม
.
ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งทำหน้าที่ในการดูแลหน่วยตำรวจศีลธรรม
ยังไม่ยืนยันว่าจะยุบกองกำลังดังกล่าวหรือไม่
.
สำหรับประเด็นเกี่ยวกับการเตรียมทบทวนกฎหมายบังคับให้ผู้หญิงทุกคนสวมผ้าคลุมศีรษะและแต่งกายอย่างมิดชิดนั้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่านออกมาย้ำจุดยืนในการเดินหน้านโยบายบังคับการสวมผ้าคลุมศีรษะอย่างเคร่งครัดต่อไป
.
การเคลื่อนไหวต่อต้านการใช้ความรุนแรงในครั้งนี้ ถือเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามเมื่อปี 1979 ข้อมูลจากกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนอิหร่านบ่งชี้ว่า การปราบปรามอย่างรุนแรงทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 470 คน ขณะที่ผู้ประท้วงอีกมากกว่า 18,210 คน ถูกจับกุมในขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเสียชีวิตอย่างน้อย 61 นาย
.
ผศ.ดร.มาโนชญ์ อารีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโลกมุสลิม มศว. มองผลกระทบจากการประท้วงในครั้งนี้ต่อการตัดสินใจของชนชั้นนำอิหร่านว่า แม้ว่าทางการอิหร่านยังสงวนท่าทีในการเดินหน้าใช้กฎหมายแต่ความเคลื่อนไหวของประชาชนก็สร้างแรงกดดันได้ไม่น้อย
.
ขอบคุณ TPBS https://www.thaipbs.or.th/news/content/322255
.

error: ขอบคุณที่ติดตามครับ