แฉเส้นทางพลุ ดอกไม้ไฟ ต้นเหตุโกดังที่ ต.มูโนะ ระเบิด จนคนตาย12 ศพ  – White Channel

White Channel

แฉเส้นทางพลุ ดอกไม้ไฟ ต้นเหตุโกดังที่ ต.มูโนะ ระเบิด จนคนตาย12 ศพ 

SOUTH : แฉเส้นทางพลุ ดอกไม้ไฟ ต้นเหตุโกดังที่ ต.มูโนะ ระเบิด จนคนตาย12 ศพ เจ็บนับร้อยราย ถูกนำเข้ามาจากประเทศจีนผ่านภาคเหนือและอีสานเพื่อกักตุนรอส่งไปขายฝั่งมาเลเซีย แม้ชาวบ้านจะร้องเรียน จนท.รัฐให้มาตรวจสอบ เรื่องก็เงียบหาย ไม่มีการดำเนินการจนมาเกิดเหตุสลด

.

จากกรณีเหตุระเบิดโกดังเก็บพลุ-ดอกไม้ไฟในพื้นที่ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลกจ.นราธิวาส ได้สร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล กลายเป็นรอยแผลที่ชาวมูโนะต้องจดจำไปตลอดชีวิต 12 ศพ เจ็บอีกกว่า 100 รายบ้านเรือนของประชาชนพังเสียหายนับร้อยหลัง ค่าเสียหายนับพันล้านบาทด้วยแรงระเบิดที่เกิดจากการกักตุนดินระเบิดในรูปแบบลูกประทัด ดอกไม้ไฟหลายตัน ทำให้ตอนนี้ชาวมูโนะต้องไร้ที่อยู่ ชีวิตหมดสิ้นทุกอย่าง จนมีคนตั้งข้อสงสัยว่า เหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้ใครจะรับผิดชอบ นอกเหนือจากเจ้าของโกดังดังกล่าว ภาครัฐหลายหน่วยจะเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือรัฐปิดหูปิดตาทำได้เพียงเยียวยา แต่ไม่เอาผิดกับรัฐที่ปล่อยปละละเลย รู้ทั้งรู้แต่ทำไม่รู้

.

แหล่งข่าวรายหนึ่งในวงการดอกไม้ไฟ กล่าวอ้างว่า พลุที่เกิดเหตุระเบิดขึ้นในต.มูโนะ นั้น ส่วนมากแล้วเป็นพลุที่นำเข้าจากประเทศจีน ผ่านมาทางภาคเหนือ-อีสาน ซึ่งเจ้าของโกดังได้สั่งซื้อมาจากซัพพลายเออร์จาก อ.หาดใหญ่จ.สงขลา โดยมีการทยอยซื้อไว้เพื่อกักตุน เตรียมส่งออกไปประเทศมาเลเซียผ่านช่องทางธรรมชาติตามริมแม่น้ำสุไหงโก-ลก ในพื้นที่ ต.มูโนะ เนื่องจากพลุจะจำหน่ายได้ราคาสูง และในประเทศมาเลเซียมีความต้องการเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเดือนหน้าจะมีเทศกาลวันชาติของมาเลเซีย ทำให้เจ้าของโกดังสั่งซื้อมากักตุนไว้ล่วงหน้าเพื่อเก็งกำไร

.

มีรายงานระบุว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ของชาวมุสลิมที่ผ่านมา เดือนเดียวมียอดจำหน่ายถึง 10 ล้านบาท ซึ่งถือว่าจริง เนื่องจากธุรกิจประเภทนี้ ลงทุน 1 ล้านจะได้กำไรถึง 10 ล้าน จึงทำให้ในพื้นที่มีธุรกิจดังกล่าวหลายเจ้า แอบกักตุนแอบซุกไว้ตามจุดต่างๆ ซึ่งหน่วยงานรัฐรู้แต่เพิกเฉย เพราะมีปัจจัยในการอำนวยความสะดวกทุกเดือน ทำให้พ่อค้าได้ใจแต่ละเลยถึงความปลอดภัยแต่สำหรับเจ้าของโกดังเกิดเหตุนั้นถือเป็นรายใหม่ แต่มีสินค้าจำนวนมากกว่าเจ้าอื่น ทำให้ลูกค้าสั่งซื้อครั้งละจำนวนมาก จึงทำให้เจ้าของโกดังเกิดเหตุได้ทยอยสั่งเข้ามาเก็บไว้กักตุนจำนวนหลายตัน และเก็บไว้หลายจุด

.

ชาวบ้านที่อยู่โดยรอบโกดังเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่า ตอนสร้างโกดังเมื่อปีที่ผ่านมา ทราบเพียงว่าจะเก็บสินค้าต่างๆ เพราะเจ้าของโกดังมีธุรกิจก่อสร้าง จึงคิดว่าภายในโกดังจะมีเพียงอุปกรณ์ก่อสร้าง โดยที่ไม่รู้ว่าสินค้านั้นคือดอกไม้ไฟและประทัดจำนวนมหาศาล เพราะพื้นที่ ต.มูโนะ เป็นตลาดชายแดนไทย-มาเลเซียที่ใหญ่ง่ายและใกล้ ง่ายต่อการขนส่งสินค้าเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แตกต่างกับตลาดชายแดน อ.ตากใบ และตลาดชายแดนบูเก๊ะตา อ.แว้ง ที่ผ่านมาชาวบ้านจึงไม่เอะใจอะไร ว่าภายในโกดังนั้นมีอะไรอยู่

.

จนกระทั่งชาวบ้านเริ่มสงสัย และรู้ว่าโกดังดังกล่าวเป็นที่เก็บประทัดดอกไม้ไฟจำนวนมากเป็นตันๆ ชาวบ้านจึงเกิดความกลัว เพราะโกดังอยู่กลางหมู่บ้าน โดยรอบโกดังเป็นบ้านเรือนประชาชนนับร้อยหลัง ชาวบ้านเคยได้ขอให้เจ้าของนำของทั้งหมดไปเก็บที่อื่น แต่ก็ไม่ดำเนินการ จากนั้นได้ร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่ดำเนินการเช่นกัน โดยโกดังดังกล่าวได้สร้างติดชิดกำแพงบ้านชาวบ้าน เมื่อเกิดเหตุทำให้แรงระเบิดถล่มบ้านประชาชนจนหายไปในพริบตา

.

ชาวบ้านในพื้นที่ ให้ข้อมูลอีกว่า โกดังดังกล่าวถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เคยถูกเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตรวจสอบแล้วก็ตาม แต่เรื่องก็เงียบไป และยังปล่อยให้มีการลักลอบกักตุนเป็นจำนวนมาก ใน ต.มูโนะ มีการกักเก็บสินค้าประเภทนี้จำนวนมาก เทียบได้ว่ามีเกือบทั้งตำบล อยู่ที่ว่าใครมีเงินทุนมีที่เก็บได้มากกว่า เพราะการลงทุนประเภทนี้มีกำไรสูง ทำให้นักธุรกิจในพื้นที่หันมาค้าประทัดดอกไม้ไฟ แต่ต้องอำนวยความสะดวกเจ้าหน้าที่เดือนละหลายหน่วยเป็นจำนวนเงินมหาศาล ส่วนที่ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงไม่ตรวจสอบนั้น เพราะทุกเดือนจะมีการดูแลอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่หลายหน่วย โดยมีเจ้าหน้าที่ ทั้งตำรวจ ปกครองในพื้นที่ เป็นคนรับแล้วนำส่งให้ผู้บังคับบัญชา มีตั้งแต่ 2 หมื่นบาทไปจนถึงหลักแสนบาท การขออนุญาตก็ไม่ตรวจสอบ ถ้าหากเจ้าหน้าที่มีความเคร่งครัด เหตุการณ์ครั้งนี้ก็จะไม่เกิด

.

มีรายงานว่า สำหรับเจ้าของโกดังดังกล่าว เจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้ติดต่อขอเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.มูโนะ แล้ว โดยผ่านทนายความ โดยหลายฝ่ายมีความกังวลว่า หากต้องถูกดำเนินคดีคนเดียว อาจจะมีการแฉถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วย ทั้งในพื้นที่และต่างพื้นที่ ที่มีส่วนรู้เห็นกับธุรกิจครั้งนี้

.

สำหรับพื้นที่ ต.มูโนะ ถือเป็นพื้นที่ควบคุมของหน่วยงานความมั่นคง ก็ได้ออกหนังสือและเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบพื้นที่ ห้ามมิให้มีการนำสินค้าหนีภาษีทุกชนิดเข้าออกพื้นที่ 2 ฝั่งชายแดน โดยเฉพาะพลุ ดอกไม้ไฟ เพราะเกรงว่ากลุ่มก่อความไม่สงบจะนำสินค้าดอกไม้ไฟที่อัดแน่นด้วยดินระเบิดอาจจะนำมาก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ แต่เนื่องจากตลาดมูโนะแห่งนี้เป็นแหล่งเงินมหาศาล ที่มีผลประโยชน์ทั้งน้ำมันเถื่อน น้ำมันปาล์ม กระเทียม ยาเสพติด รวมไปถึงพลุ ดอกไม้ไฟ ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก

.

หน่วยงานราชการหลายหน่วยที่ได้ผลประโยชน์ ก็มีส่วนที่รู้เห็นเป็นใจ ถึงได้ปล่อยปละละเลยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เช่นที่เกิดเหตุครั้งนี้ พลุดอกไม้ไฟที่มีจำหน่ายมีถึง 50 กว่าเจ้าที่จดทะเบียนเป็นร้านค้า แต่ที่กักเก็บในโกดังเป็นจำนวนหลายแห่งในพื้นที่ เพื่อลักลอบจำหน่ายให้กับทางประเทศมาเลเซียนั้นมีจำนวนมาก ถึงขนาดกักตุนไว้บนรถกระบะ ใช้ผ้าคลุมไว้ถึงเวลาก็ขนไปส่งยังท่าเรือตลาดมูโนะ

.

ไทยรัฐ

#ขุนคมคำ

error: ขอบคุณที่ติดตามครับ