White Channel

ชาวไทยมุสลิม ร่วมพิธีละหมาดเนื่องในวันอีดิ้ลอัฎฮา

SOCIAL : ชาวไทยมุสลิม ร่วมพิธีละหมาดเนื่องในวันอีดิ้ลอัฎฮา หรือวันรายอฮัจยี ฮิจเราะห์ศักราช 1444 (ประจำปี พ.ศ. 2566) ณ มัสยิดท่าอิฐ ตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
.
29 มิถุนายน 66 เวลา 07.30 น. ณ มัสยิดท่าอิฐ หมู่ที่ 10 ตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี บรรดาพี่น้องชาวไทยมุสลิมจำนวนกว่า 4,000 คน เดินทางมาพร้อมบุตรหลานเพื่อมาร่วมพิธีละหมาด เนื่องในวันอีดิ้ลอัฎฮา หรือวันรายอฮัจยี (วันอีดใหญ่) ฮิจเราะห์ศักราช 1444 (พ.ศ. 2566) เป็นวันหยุดอิสลามอันที่สองที่ฉลองทั่วโลก เป็นวันเฉลิมฉลอง เชือดสัตว์เพื่อพลีทาน เพื่อยกย่องอิบรอฮีมที่จะเชือดพลีลูกชายของท่าน เพื่อทำตามคำสั่งของอัลลอฮ์ แต่ก่อนที่อิบรอฮีมเชือดพลีลูกชายของตนเอง พระองค์ให้ท่านเชือดแกะแทน โดยจะถูกแบ่งเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งให้คนจนและคนที่ต้องการ อีกส่วนให้เก็บที่บ้าน และส่วนที่สามเอาไปแจกให้กับญาติ วันอีดิ้ลอัฎฮา ตรงกับวันที่ 10 เดือนซุลฮิญญะห์ วันตรุษอีดิ๊ลอัฎฮา เป็นคำภาษาอาหรับ มาจากคำว่า อีด แปลว่า รื่นเริง เฉลิมฉลอง และ อัฎฮา แปลว่า เชือดสัตว์พลีทาน ซึ่งทางคณะกรรมการมัสยิดท่าอิฐ นายปรีดา เชื้อผู้ดี ที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรี และนายก อบต.ท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายยุทธศักดิ์ อ่อนน้อม อิหม่ามมัสยิดท่าอิฐ และชุมชนมุสลิมใน ตำบลท่าอิฐ จัดขึ้น
.
ทั้งนี้ การละหมาดวันตรุษอีฎิ้ลอัดฮานี้ ถือเป็นศาสนกิจที่สำคัญที่สุด ซึ่งมุสลิมทุกเพศทุกวัยจะต้องไปร่วมกันละหมาดที่มัสยิดใกล้บ้าน โดยหลังพิธีละหมาดได้ร่วมรับฟังคุตบะห์ (ฟังธรรมเทศนา) โต๊ะอิหม่าม จากนั้น จะมีการแสดงความยินดีและขออภัยต่อกันในสิ่งที่ได้ล่วงละเมิด ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม และมีการบริจาคทานให้กับเด็ก คนชรา หรือผู้ยากไร้ พร้อมทั้งออกไปเยี่ยมเยียนซึ่งกันและกัน ในวันนี้ชาวมุสลิมทั้งหญิง ชายและเด็กๆ จะสวมใส่เสื้อผ้าใหม่ เพื่อต้อนรับวันตรุษอีฎิ้ลอัดฮา และที่สำคัญในวันอีดิลอัฎฮา คือ การเชือดสัตว์พลีทาน (กุรบ่าน) ซึ่งชาวไทยมุสลิมถือว่าการทำกุรบ่าน จะได้เข้าใกล้ต่ออัลลอห์ด้วยการเชือดสัตว์พลีต่อพระองค์ สำหรับสัตว์ที่นำมาใช้ฆ่า เพื่อทำทาน ในพิธี ก็จะมี วัว ควาย แพะ หรือแกะ โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ในพื้นที่จะนิยมเชือดวัวเพราะวัว 1 ตัว สามารถแบ่งได้หลายส่วนและสามารถทำทานได้ทั้งครอบครัว ส่วนเนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่าแล้วจะนำไปขายไม่ได้นอกจากทำอาหารเลี้ยงกันเท่านั้น
.
ปัจจุบันแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางสังคมจะทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมต่างๆ ให้กลายเป็นเนื้อเดียวกันจนแยกไม่ออก แต่งานวันอีดิ้ลอัฎฮาของชาวมุสลิมยังคงเป็นวันที่มีความหมาย และความศักดิ์สิทธิ์ในความรู้สึกของผู้คนที่นับถือศาสนาอิสลาม หรือแม้แต่ต่างศาสนาเอง เพราะด้วยความศรัทธาและความเชื่อในพระเจ้ายังคงเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยว และผูกใจผู้คนที่นับถือศาสนาอิสลามไว้ด้วยกัน ให้ยึดมั่นในหลักคำสอนของการทำความดี เอื้ออาทรต่อมนุษย์ร่วมโลก ระลึกถึงหลักของความเท่าเทียมและการแบ่งปัน ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในสังคมปัจจุบัน
.
ที่มา องค์การบริหารส่วนตำบลท่าอิฐ

ขุนคมคำ

error: ขอบคุณที่ติดตามครับ