White Channel

จับตา ไข้เลือดออกไครเมียคองโกระบาดหลายประเทศ

เกิดอะไรในโลก : ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เปิดข้อมูล WHO กำลังให้ความสำคัญ ‘ไข้เลือดออกไครเมียคองโก’ กำลังระบาดแล้วหลายประเทศ เสี่ยงระบาดทั่วโลก

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ (Center for Medical Genomics) เปิดข้อมูล องค์การอนามัยโลก (WHO) กำลังให้ความสำคัญกับการรับมือ ‘ไข้เลือดออกไครเมียคองโก‘ ที่มีการระบาดในอัฟกานิสถาน เป็นอีกหนึ่งโรคติดเชื้อที่สุ่มเสี่ยงจะระบาดไปทั่วโลก

ไข้เลือดออกไครเมียคองโก (Crimean-Congo Hemorrhagic Fever: CCHF) เป็นโรคไวรัสที่อันตรายและอาจถึงตายได้ซึ่งติดต่อโดยเห็บ พบการระบาดในหลายส่วนของโลก รวมถึงแอฟริกา เอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก อเมริกาใต้ และเอเชียกลาง โรคนี้พบครั้งแรกในแหลมไครเมียในปี 1944 และต่อมามีการระบาดในคองโก จึงเป็นที่มาของชื่อ “ไข้เลือดออกไครเมียคองโก

องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญและจัดให้เป็นหนึ่งในสิบโรคติดเชื้อไวรัสที่มีศักยภาพจะแพร่ระบาดไปทั่วโลก เพราะพบการระบาดของโรคไข้เลือดออกไครเมีย-คองโกถี่ขึ้นในช่วงปี 2021-2023

  • พบการระบาดในอิรัก 380 รายในปี 2022 เสียชีวิต 74 ราย
  • อิหร่านช่วงเดือนมีนาคม 2021-มีนาคม 2022 มีผู้ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไข้เลือดออกไครเมีย-คองโก13 คนในประเทศ เพิ่มขึ้น 500 เปอร์เซ็นต์ โดย 2 รายเสียชีวิต และหนึ่งปีก่อนหน้านั้น พบติดเชื้อ ไข้เลือดออกไครเมีย-คองโก 40 คนและเสียชีวิต 5 ราย
  • อัฟกานิสถานมีรายงานผู้ป่วย 111 คน และเสียชีวิต 6 รายจากโรคไข้เลือดออกไครเมีย-คองโก ตั้งแต่ปี 2022 จนถึงปี 2023 โดยพบผู้ป่วยไข้เลือดออกไครเมีย-คองโกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากว่า 90 คน โดยเฉพาะในจังหวัดเฮรัต (Herat) ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อ 36 คน มีผู้เสียชีวิต 5 ราย ก่อนหน้านี้ มีรายงานผู้ป่วย 3 คนในจังหวัดทัคคาร์ (Takhar) โดยมีผู้ป่วย 1 รายเสียชีวิตด้วยโรคนี้เช่นกัน ขณะนี้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นและโรคแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของอัฟกานิสถานกำลังทำงานแข่งกับเวลาเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดและปกป้องประชากรจากอันตรายเพิ่มเติม

‘ไข้เลือดออกไครเมียคองโก’ มีสาเหตุมาจาก ไวรัสไนโร (Nairovirus) ที่มีเห็บเป็นพาหะ ซึ่งอยู่ในวงศ์ของไวรัส บันยาวิริเด (Bunyaviridae) มีจีโนมเป็นอาร์เอ็นเอสายเดี่ยว แบ่งเป็นสามท่อน (L, M และ S) แพร่เชื้อโดย เห็บ (Ixodidae และ Argasidae) เป็นหลัก อีกทั้งสามารถแพร่เชื้อตามธรรมชาติระหว่างสัตว์สู่สัตว์เช่นในนก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก (ค้างคาว หนู ตัวตุ่น และเม่น) และสัตว์เท้ากีบ ร่วมด้วย ในบางกรณีมีการติดเชื้อ ไวรัสไนโร แพร่กระจายไปยังมนุษย์ โดยพบระบาดในผู้คนเลี้ยงสัตว์ และพนักงานในโรงฆ่าสัตว์

องค์การอนามัยโลก (WHO) กำลังติดตามสถานการณ์ในอัฟกานิสถานอย่างใกล้ชิด เนื่องจาก ไข้เลือดออกไครเมีย-คองโก ถือเป็นภัยคุกคามด้านสาธารณสุขที่สำคัญ 

ไวรัส ‘ไข้เลือดออกไครเมียคองโก’ ติดเชื้อมายังมนุษย์จากการถูกเห็บกัดหรือการสัมผัสกับเลือดหรือเนื้อเยื่อของสัตว์หรือคนที่ติดเชื้อ อาการจะเกิดขึ้นระหว่าง 1-14 วันหลังเห็บกัดหรือสัมผัสสารคัดหลั่ง โดยจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และมีเลือดออก กรณีที่รุนแรงอาจทำให้อวัยวะล้มเหลวและเสียชีวิตได้ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ประเทศต่างๆ ควรเร่งเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

แม้จะไม่มีการรักษาเฉพาะ แต่การดูแลแบบประคับประคองสามารถเพิ่มโอกาสรอดชีวิตในผู้ป่วย ไข้เลือดออกไครเมีย-คองโก ได้ โดยมีอัตราการเสียชีวิตของโรคอยู่ในระหว่าง 10-40% และอาจพุ่งสูงถึง 60% ในช่วงที่มีการระบาด ตัวเลขเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของมาตรการป้องกัน เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเห็บ ใช้ยาขับไล่แมลง และการรักษาโดยทันทีเมื่อเห็บกัด ในโรงงานฆ่าสัตว์คนงานควรสวมถุงมือและชุดป้องกันการสัมผัสกับเลือดหรือเนื้อเยื่อของสัตว์ติดเชื้อ

ที่มา :

Springnews : https://www.springnews.co.th/news/hot-issue/840825

error: ขอบคุณที่ติดตามครับ