White Channel

รู้จัก ChatGPT แชตบอตสุดอัจฉริยะ ที่กำลังเขย่าโลก AI

รู้จัก ChatGPT แชตบอตสุดอัจฉริยะ ที่กำลังเขย่าโลก AI

 เกิดอะไรในโลก : รู้จัก ChatGPT’ แชตบอตสุดอัจฉริยะ ที่กำลังเขย่าโลก AI

 หากย้อนกลับไป 12 ปีที่แล้ว คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก SimSimi แชตบอตสุดฮิตที่เป็นกระแสอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะมีแชตบอตปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) สุดอัจฉริยะถามอะไรตอบได้อย่าง ‘ChatGPT’ ที่ถูกปล่อยออกมาในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จนเป็นที่พูดถึงกันอยู่ในขณะนี้ ที่จะมาดึงความสนใจคนจำนวนมากเข้าสู่อุตสาหกรรม ‘Generative AI’ ซึ่งเป็นการให้ระบบคอมพิวเตอร์สร้างข้อความ ภาพ วิดีโอ และมีเดียรูปแบบอื่นๆ อัตโนมัติ โดยใช้จุดเด่นของปัญญาประดิษฐ์ ไปจนถึงการเรียนรู้ด้วยตัวเองของโปรแกรม (Machine Learning)

โดยแชตบอตดังกล่าวจะสามารถหาคำตอบให้กับเราได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะมีข้อสงสัยเรื่องอะไร มันจะใช้ระบบ ‘AI’ ไปรวบรวมข้อมูลจากทุกที่ในโลกมาประมวลผลเป็นคำตอบให้กับเรา หรือแม้กระทั่งการเขียนสคริปต์การเรียนการสอน ที่อาจใช้เวลาเตรียมข้อมูลเป็นชั่วโมง แต่ ‘ChatGPT’ ก็จะไปรวบรวมข้อมูลมาเป็นคำอธิบายแสนง่ายให้คุณได้ภายในเวลาเพียงไม่นาน

 ‘ChatGPT’ เป็นรูปแบบหนึ่งของ GPT-3.5 Language Generation Software ซึ่งเป็นโปรเจกต์ภายใต้องค์กรปัญญาประดิษฐ์อย่าง ‘OpenAI’ องค์กรที่พัฒนางานวิจัยเกี่ยวกับด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยถูกออกแบบมาเพื่อสร้างบทสนทนากับผู้คน ใน ChatGPT นั้นมีฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การตอบคำถามที่ถูกถาม การตรวจสอบหลักฐานที่ผิด หรือแม้แต่การยอมรับของตัวระบบเองว่าผิดพลาด เป็นต้น

📌 จุดกำเนิด ‘ChatGPT’

ก่อน ‘ChatGPT’ จะถูกปล่อยออกมานั้น ระบบบอตได้ถูกนำไปฝึกด้วยข้อมูลในรูปแบบ ‘ข้อความ’ จำนวนมหาศาล ระบบได้ถูกฝึกจนสามารถตรวจจับรูปแบบการเขียน เพื่อพัฒนาออกมาในรูปแบบของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ทาง OpenAI ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลว่าใช้ข้อมูลใดบ้าง หากแต่บอกเพียงแค่ว่าใช้ข้อมูลจากหนังสือที่เก็บมา และ Wikipedia

 ซึ่งในปี 2015 ‘OpenAI’ เกิดขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะนำระบบ AI มาใช้ให้เป็นประโยชน์กับมนุษย์ในรูปแบบที่ง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด โดย แซม อัลท์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OpenAI และอดีตประธานกรรมการ VC ชื่อดังอย่าง Y Combinator นอกจากนี้ ‘OpenAI’ ยังมีผู้ร่วมก่อตั้งเป็นบิ๊กเนมอย่าง อีลอน มัสก์ แห่ง Tesla และ SpaceX (ก่อนที่จะลาออกจากการเป็นกรรมการในปี 2018 แต่ยังคงสถานะการบริจาคสนับสนุนองค์กรอยู่) และคนอื่นๆ รวมเงินก่อตั้งสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.5 หมื่นล้านบาทในช่วงแรก และในภายหลังก็มีผู้สนับสนุนอย่าง รีด ฮอฟฟ์แมน ผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn หรือแม่แต่ ปีเตอร์ ธีล ผู้ร่วมก่อตั้ง Paypal และอีกหลายคน เข้ามาเพิ่มเติม

📌 เสียงตอบรับจากวงการเทคฯ โน

ในช่วงไม่กี่วันหลัง ‘ChatGPT’ ถูกปล่อยออกไป ผู้ประกอบการในวงการเทคโนโลยีต่างก็ตื่นเต้นกับแชตบอตสุดอัจฉริยะดังกล่าวเป็นอย่างมาก จนมีการพูดถึงในทวิตเตอร์อย่างแพร่หลาย ในบางรายก็ได้กล่าวว่า การเปิดตัวของ ‘ChatGPT’ นั้นเทียบเท่ากับการเปิดตัว iPhone ของ Apple ในช่วงปี 2007 เลยทีเดียว ซึ่งทางแซมก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ภายหลังการเปิดตัวของแชตบอตดังกล่าว 5 วัน ว่า “ChatGPT มีผู้ใช้งานทะลุ 1 ล้านรายแล้ว”

 หากมองในอุตสาหกรรมแชตบอต จะเห็นได้ว่า ‘ChatGPT’ ไม่ใช่เจ้าแรกเจ้าเดียวที่ทำแชตบอตออกมา โดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple ก็ยังมี ‘Siri’ ขณะที่ฝั่ง Google ก็มี ‘Google Assistant’ และทาง Amazon ก็มี ‘Alexa’ อยู่ในขณะนี้ และจะเห็นได้ว่ามนุษย์เราต่างตื่นเต้นกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ที่จะสามารถมีความฉลาดเพียงพอที่จะคุยกับเราได้ ซึ่งก็เคยมีกระแสในช่วงปี 2010 อย่าง SimSimi ที่เป็นแอปพลิเคชันการแชตกับหุ่นยนต์ แต่ท้ายที่สุดแล้วแชตบอตเหล่านี้แม้จะพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ตอบได้เพียงคำถามพื้นฐานเท่านั้น

 แต่การเกิดขึ้นของ ‘ChatGPT’ นั้นต่างออกไป เพราะระบบของแชตดังกล่าวสามารถตอบคำถามได้ในรูปแบบที่แตกต่าง ลักษณะเดียวกับภาษาธรรมชาติที่มนุษย์คุยกัน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีด้านแชตบอตกำลังเข้าสู่การพัฒนาอีกระยะหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย

 ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนและผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีพากันใส่เม็ดเงินลงทุนรวมกันแล้วหลายพันล้านดอลลาร์ในอุตสาหกรรม ‘Generative AI’ ซึ่งเป็นการให้ระบบคอมพิวเตอร์สร้างข้อความ ภาพ วิดีโอ และมีเดียรูปแบบอื่นๆ อัตโนมัติ โดยใช้จุดเด่นของปัญญาประดิษฐ์ ไปจนถึงการเรียนรู้ด้วยตัวเองของโปรแกรม (Machine Learning)

 โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทด้านข้อมูล PitchBook ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า นักลงทุนในสตาร์ทอัพจำนวนมากได้เปลี่ยนความสนใจจากกระแสอย่าง Web 3.0 หรือคริปโตเคอร์เรนซี มายัง ‘Generative AI’ กันเป็นจำนวนมาก

 คริชนา เจด ประธานบริหารของ Fiddler บริษัทด้าน AI ก็ได้กล่าวไปถึงว่า การมาของ ChatGPT นั้นอาจส่งผลกระทบไปถึงขั้นดิสรัปต์วงการ ‘เสิร์ชเอนจิน’ ที่เคยมีผู้นำรายใหญ่อย่าง Google ได้เลยทีเดียว

 ทั้งนี้ เจดเคยทำงานให้กับ Microsoft ในหน่วยธุรกิจอย่าง Bing ซึ่งเป็น ‘เสิร์ชเอนจิน’ เช่นเดียวกัน มองว่าหากกระแสการใช้งานของ ChatGPT เติบโตเรื่อยๆ นั้น Google อาจจะต้องพัฒนาเครื่องมือแบบแชตบอตออกมาเพื่อตอบคำถามผู้คน

 แต่ถึงอย่างนั้นเอง ด้วยความที่ระบบของ ChatGPT นั้นกำลังเรียนรู้และอยู่ในช่วงต้น ก็อาจจะมีข้อมูลที่ผิดพลาดที่อาจจะยังไม่สมบูรณ์ได้เช่นกัน จนทำให้ผู้ใช้จำนวนมากก็ยังต้องไปตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลใน Google ต่ออยู่ดี

 📌 ทุบสถิติแอพที่มีฐานผู้ใช้เติบโตเร็วที่สุดในโลก

UBS (Union of Bank Swiss) ซึ่งเป็นสถาบันการธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ และธนาคารเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระบุว่าแอพพลิเคชั่นแชตบอท ‘ChatGPT’ จากการสร้างสรรค์ของบริษัท OpenAI มีจำนวนผู้ใช้ที่แอคทีฟรายเดือนทะลุยอด 100 ล้านบัญชีไปแล้ว เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งกินระยะเวลาเพียง 2 เดือน นับจากวันที่เปิดตัว ทำให้ ChatGPT กลายเป็นแอพพลิเคชั่นที่มีจำนวนผู้ใช้งานเติบโตเร็วที่สุดในโลก เท่าที่เคยมีข้อมูลบันทึกไว้

รายงานฉบับดังกล่าวอ้างอิงข้อมูลการวิเคราะห์จากบริษัท Similarweb ซึ่งระบุว่า มีจำนวนผู้เข้าใช้งาน ChatGPT โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 13 ล้านคนต่อวัน ในเดือน ม.ค. 2023 ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ของจำนวนเฉลี่ยในเดือน ธ.ค. 2022

รายงานยังเขียนหมายเหตุไว้อย่างชัดเจนว่า ภายในระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ที่ทางสถาบันได้ติดตามความเคลื่อนไหวของโลกออนไลน์ ยังไม่เคยปรากฏว่ามีแอพพลิเคชั่นออนไลน์ใด ที่สร้างฐานผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วเท่านี้มาก่อน

ตามสถิติเดิมนั้น แม้กระทั่งแอพพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง TikTok ยังต้องใช้เวลาถึง 9 เดือน กว่าจะมีจำนวนผู้ใช้งานถึง 100 ล้านบัญชี ขณะที่ Instagram ใช้เวลาราว 2 ปีครึ่ง

📌 คู่แข่งเปิดหน้าชน

บริษัท Alphabet inc บริษัทแม่ของ Google ได้ประกาศในบล็อกโพสต์ ถึงการเปิดตัวเทคโนโลยีแชตบอตปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า Bard ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ที่จะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ ChatGPT ซึ่งเป็นบริการ AI ที่สร้างโดย OpenAI และมี Microsoft เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ ถือว่าเป็นการเปิดศึกเอไอยุคใหม่โดยบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก

Bard จะทำงานโดยใช้แบบจำลองภาษา (Language Model) ที่ทาง Google พัฒนาเองในชื่อ Language Model for Dialogue Applications เวอร์ชันที่ 2 (LaMDA 2) โดย Google จะเริ่มนำร่องใช้งานบน Search Engine ก่อน ซึ่งทางแบรนด์มีแผนที่จะทำให้ Bard ช่วยรวบรวมกลั่นกรองข้อมูลที่มีความซับซ้อนจากหลาย ๆ มุมมอง จากนั้นก็จะย่อยข้อมูลให้ผู้ใช้งานเข้าใจภาพรวมในสิ่งที่ตัวเองค้นหาได้ง่ายขึ้น และรวดเร็ว ก่อนที่จะเข้าไปดูหน้าเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ละเอียดขึ้น

Google ได้โชว์ตัวอย่างความฉลาดของ Bard ด้วยการจำลองสถานการณ์ที่ผู้ปกครองต้องการอธิบายเรื่องกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ ให้กับเด็ก 9 ขวบฟัง Bard ก็จะทำหน้าที่ย่อยข้อมูลเป็นเรื่องเล่าสนุก ๆ พร้อมศัพท์ที่ไม่ยากให้เด็กเข้าใจได้ง่าย ๆ ทันที

ทั้งนี้ ในช่วงแรก Google Bard จะเปิดให้นักทดลองที่เชื่อถือได้เข้าไปทดสอบใช้งานกันก่อน หลังจากนั้นถึงจะค่อย ๆ เปิดให้บุคคลทั่วไปได้ใช้งานทีละนิด ก่อนที่จะเปิดให้ใช้งานแบบเต็มรูปแบบ (Public Release) แต่ทั้งนี้ Google ยังไม่ได้เผยรายละเอียดว่า Bard จะทำอะไรได้อีกบ้างนอกจากจะช่วยย่อยข้อมูลบน Search Engine โดยความสามารถลับทั้งหลายจะถูกเปิดเผยในงาน Google Presents Live from Paris วันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้ เวลาไทยตอน 2 ทุ่มครึ่ง 

ที่มา :

thestandard : https://thestandard.co/what-is-chatgpt/

thairath : https://www.thairath.co.th/business/feature/2618418

dailynews : https://www.dailynews.co.th/news/1958014/

prachachat : https://www.prachachat.net/ict/news-1197257

droidsans : https://droidsans.com/google-bard-ai-chat-bot-officially-announced/

error: ขอบคุณที่ติดตามครับ