.
แหล่งข่าว 2 แห่งเปิดเผยว่า เงินทุนจะยังคงถูกระงับเป็นเวลา 1 ปี โดยจะมีการหารือเกี่ยวกับแนวทางอื่นในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่า ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากที่กฎหมายดังกล่าวถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
.
นอกจากนี้ เมื่อเดือนที่แล้ววุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายระงับเงินทุนสำหรับหน่วยงานดังกล่าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของร่างกฎหมายมูลค่า 95,000 ล้านดอลลาร์ที่มุ่งส่งความช่วยเหลือไปยังยูเครน อิสราเอล และไต้หวัน อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายฉบับนี้พบความล่าช้าในสภาผู้แทนราษฎร
.
ผู้สนับสนุนการช่วยเหลือของสหรัฐฯ สำหรับชาวปาเลสไตน์ ได้เรียกร้องให้นำเงินจำนวน 300 ถึง 400 ล้านดอลลาร์ที่วอชิงตันบริจาคตามปกติเป็นประจำทุกปี กลับคืนสู่สถานะเดิม ปัจจุบันสหรัฐฯ เป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของหน่วยงานนี้ ฝ่ายบริหารของไบเดน ได้รับการเรียกร้องให้สนับสนุน UNRWA โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่กลุ่มด้านมนุษยธรรมทำงานเพื่อจัดการกับความอดอยากและหายนะด้านมนุษยธรรมที่เพิ่มมากขึ้นในฉนวนกาซ่า
.
ในขณะที่ อิสราเอลขัดขวางการส่งความช่วยเหลือเข้าไปในฉนวนกาซ่าที่ถูกปิดล้อม โดยเฉพาะทางตอนเหนือของวงล้อม นำไปสู่การขาดแคลนอาหาร น้ำจืด ยารักษาโรค และเชื้อเพลิงอย่างรุนแรง และก่อให้เกิดภาวะอดอยาก มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 ราย รวมถึงเด็กและผู้สูงอายุ เนื่องมาจากภาวะทุพโภชนาการในดินแดนแห่งนี้ ซึ่งมีชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่ 2.3 ล้านคน โดยในจำนวนนี้ 2 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศอันเป็นผลมาจากการโจมตีอย่างร้ายแรงของอิสราเอล
.
อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวและผู้นำรัฐสภาปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าว จนกว่าร่างกฎหมายการใช้จ่ายจะเปิดเผยต่อสาธารณะ
.
ทั้งนี้ มี 18 ประเทศและสหภาพยุโรประงับการบริจาคเงินให้กับ UNRWA เมื่อปลายเดือนมกราคม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลกล่าวหาพนักงานของ UNRWA 12 คนจากทั้งหมด 13,000 คนในฉนวนกาซ่า ว่าเข้าร่วมในการโจมตีของกลุ่มฮะมาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม จนถึงปัจจุบัน อิสราเอลยังไม่ได้ให้หลักฐานข้อกล่าวหาดังกล่าว นอกจากนี้ ยังสังหารพนักงาน UNRWA อย่างน้อย 154 คนตั้งแต่เดือนตุลาคม
.
อิสราเอลได้กล่าวหาบุคลากร UNRWA เป็นสมาชิกกลุ่มฮะมาส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามทำลายชื่อเสียงของหน่วยงาน แม้จะไม่ได้ให้หลักฐานในการกล่าวอ้าง แต่ก็ส่งผลอย่างหนักที่จะให้ UNRWA ปิดตัว เนื่องจากเป็นหน่วยงานเดียวของสหประชาชาติที่ได้รับมอบอำนาจเฉพาะ ในการดูแลความต้องการพื้นฐานของผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์
.
อิสราเอลให้เหตุผลว่า หากไม่มีหน่วยงานดังกล่าว ปัญหาผู้ลี้ภัยก็จะต้องไม่มีอีกต่อไป และสิทธิอันชอบธรรมสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในการกลับคืนสู่ดินแดนของตนก็ไม่จำเป็น อิสราเอลปฏิเสธสิทธิในการเดินทางกลับดังกล่าวนับตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1940 แม้ว่าการเป็นสมาชิกสหประชาชาติของตนเองจะมีเงื่อนไขว่าผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์จะได้รับอนุญาตให้กลับบ้านและที่ดินของตนได้ก็ตาม ที่มา: MEMO
